กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปนาน 8-Bit Bangkok กลุ่มชาว geek ที่ถึงแม้ปัจจุบันโลกนี้เค้าจะพัฒนาไปแค่ไหน พวกเค้าก็ยังคงหลงใหลในเกมยุคอะนาลอคเช่นเครื่อง Atari กันอยู่ และ ทุกๆ สิ้นเดือนพวกเค้าจะมารวมตัวกันเล่นเกมบนโปรเจคเตอร์ขนาดยักษ์ที่ร้าน Jam – ย่านสาทร สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักพวกเค้า สามารถตามไปอ่านย้อนหลังได้ ที่นี่ จ้า
โดยการกลับมาของพวกเค้าคราวนี้ ก็ไม่ได้มาเล่นๆ แต่ยังพาพวกเราย้อนอดีตกันไปไกลถึงคอนโซลที่เรียกได้ว่า อยู่ในช่วงแรกๆ ของ เจนฯ ที่ 2 ในโลกแห่งวีดีโอเกมเลย กับ Theme : Atari’s Revenge – การล้างแค้นของเครื่องอาตาริ !!!
ซึ่งคอนโซลจะนำมาเล่นในครั้งนี้ มีชื่อว่า Atari 2600 (อ้าว… เครื่องอะไร งงเด้ งงเด้…) สำหรับเด็กหนวดที่อายุ 30 ขึ้นไปก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับน้องๆวัยรุ่นอาจจะเกิดไม่ทันกัน Gaming Room จึงทำสกู๊ปสั้นๆ เพื่อบรีฟให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้เห็นความน่าสนใจของเจ้าเครื่องนี้อย่างคร่าวๆก่อนไปสัมผัสเครื่องจริงๆ ได้ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

เริ่มต้นเรามาทำความรู้จักกับบริษัท Atari (อาตาริ) กันก่อนดีกว่านะ บริษัท อาตาริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1972 โดยได้ผลิตเกมเครื่องแรกออกมาขายในชื่อว่า… เอ่อ… Pong หลายคนทำหน้างง แต่เอาเป็นว่าถ้าได้เห็นก็คงจะต้องร้องอ๋อทันที (แต่ที่จริงลอกคนอื่นมาอีกทีนะ)


ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา อาตาริ ก็ได้โลดแล่นอยู่ในวงการวีดีโอเกมอยู่พักใหญ่ๆเลยทีเดียว และก็ได้ผลิตคอนโซลออกมาขายอย่างต่อเนื่อง ประสบความสำเร็จมั่ง-ไม่ประสบความสำเร็จมั่ง คละเคล้ากันไป อาตาริ ปิดตำนานบริษัทเกมเก่าแก่ลง ด้วยคอนโซลเครื่องสุดท้ายที่ชื่อว่า Jaguar คอนโซลที่เคลมว่าเป็นเครื่อง 64-bit ในขณะที่ยุคนั้นชาวบ้านชาวช่องเค้าทำได้แค่ 16-bit ก็หรูแล้ว (เราน่าจะรีวิวเจ้าเครื่องนี้กันสักทีนะ) และแน่นอน…ขี้คุยขนาดนี้ก็ต้องเจ๊งไม่เป็นท่านั่นแหละ (ฮา)

และในมวลหมู่คอนโซลที่ อาตาริ ผลิตออกมาทั้งหมด เครื่องที่ขายดีที่เป็นเทน้ำ-เทท่า จะเป็นเครื่องไหนไปไม่ได้นอกเสียจากเจ้าเครื่อง Atari 2600 ที่ออกมาในปี 1982 ของเรานี่แหละ โดยคอนโซลรุ่นนี้ประสบความสำเร็จในด้านการขายอย่างมาก จึงมีออกมาอีกหลายเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นสุดท้ายที่ออกขายชื่อว่า Atari 2600 Jr. ออกมาในปี 1986 นั่นแปลว่าเครื่องนี้มี Cycle อยู่มากกว่า 5-6 ปี


สำหรับการออกแบบตัวเครื่องนั้น ทำออกมาดูหรูหรา มีการกรุลายไม้ให้วัสดุดูคล้ายกับเครื่องเสียงราคาแพงในสมัยนั้น เครื่องคอนโซลนี้ใช้ระบบตลับในการเล่นเกม ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนเกมได้อย่างอิสระ เพียงแค่ซื้อตลับเกมมาใส่เพิ่มเท่านั้น (สมัยนั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเลยนะ !) spec เครื่องก็ถือได้ว่าทันสมัยสุดในสมัยนั้นแล้ว แต่ถึงจะมีการประมวลผลแบบ 8-bit คุณภาพของภาพก็ยังต่ำกว่าเครื่อง Famicom ที่เกิดมาภายหลัง การเชื่อมต่อกับ TV ใช้ระบบ RF (เก่ากว่าระบบ AV อีก) เวลาจะเล่นต้องมานั่งจูนหาสัญญาณกันอยู่นาน บางทีเล่นๆอยู่ภาพล้มไปเลยก็มี เฮ้อ… ลำบากจริงหนอ Gamer ยุคโบราณ
ส่วนการคอนโทรลก็อาจจะซับซ้อนเล็กน้อย เนื่องจากคอนโทรลเลอร์นั้น มีทั้งหมดแค่… 1 ปุ่ม… และ มีก้านโยกทิศทางมาให้อีก 1 ก้าน ลองคิดดูสิครับว่าคนสมัยนั้นเค้ามีข้อจำกัดที่ว่า เกมจะสามารถกดได้แค่ 1 ปุ่ม เค้าจะต้องใช้ความพยายามในการออกแบบเกมมากแค่ไหน เพื่อที่จะทำให้มันสนุกได้ด้วยปุ่มเดียว


สำหรับเกมที่ออกมานั้น ก็มีหลากหลายเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเกมเข้าใจง่ายๆ ไม่ซับซ้อนมาก เน้นทำ High score ไม่มีวันจบเกม (แต่บางเกมก็มีจบนะ แถมบางอันก็ซับซ้อนคล้ายเกม RPG เลย) ตัวอย่างเกมที่ลือลั่นก็ได้แก่ (ทั้งหมดนี้มีให้เล่นใน 8-bit Bangkok นะ)
Kaboom – ที่มีเสียงระเบิดสุดอลังการจนเป็นเอกลักษณ์ ของอาตาริไปแล้ว
Mario Brother -ใช่แล้ว ! นี่เป็นไม่กี่ครั้งที่คุณจะได้เห็นเกมจากปู่นินฯ พอร์ตมาลงคอนโซลของชาวบ้านเค้า !
Ms. Pacman – นี่ไม่ใช่ แพคแมน ธรรมดา แต่ คุณนายแพคแมน (แมน?) เกมเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือโบว์ติดผม
Warlords – เกมมัลติเพลย์เยอร์ เล่นได้พร้อมกันถึง 4 คนผ่านคอนโทรลเลอร์พิเศษ
Halo – ใช่ ! Halo เดียวกับที่คุณคิดนั่นแหละ ! อันนี้เป็นเกมที่สร้างขึ้นมาโดยทีมทำ Halo จริงๆนี่แหละ เพื่อสดุดีกับเครื่องนี้
Custer’s Revenge – เกม 18+ บนกราฟฟิกแบบอาตาริ !
เอาล่ะ ! นี่ก็คงพอหอมปากหอมคอนะ ถ้าผู้อ่านท่านใดสนใจในเกมเก่าเช่นเดียวกันกับกลุ่ม 8-bit Bangkok หรืออยากจะไปรำลึกความหลังกัน ก็แวะเข้าไปเล่นด้วยกันได้ฟรีๆใน วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม นี้ เวลา 19:00-2:00 ที่ร้าน Jam – ซอยโรงน้ำแข็ง (ใกล้รถไฟฟ้าสุรศักดิ์) หรือถ้าไปไม่ถูก ดูแผนที่ได้ ที่นี่ หรือจะตามเพจ event ได้ที่ เพจนี้ ก็ได้จ้า ทางผู้จัดเค้าแอบกระซิบมาน ว่าจะมีจัดแข่งพร้อมของรางวัลด้วย ซ้อมมือกันมาให้ดี แล้วพบกันที่งานวันอาทิตย์นี้นะ ! Revenge of Atari !!!!