หลังจากที่ค่อยๆปล่อยข่าวมาทีละนิด ในที่สุด เราก็มีโอกาสได้ยลโฉม anime เรื่องนี้กันเสียที Castlevania ไม่เคยห่างหายไปจากวงการเกมเลยเป็นเวลากว่า 30 ปี แถมยังเป็น 30 ปี ที่ไม่เคยมีใครเอามาทำเป็น anime เลยด้วย
ดังนั้น anime เรื่องนี้ จึงถือเป็นครั้งแรกของโลกจริงๆ ! เห็นไม๊ ! เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้ GamingRoom จะนิ่งนอนใจอยู่ก็คงไม่ได้ เราขอชวนเกมเมอร์ทั้งรุ่นใหญ่ และ รุ่นเล็ก มาดูด้วยกันดีกว่า !
ย้อนรอย 30 ปี ตำนานนักล่าแวมไพร์
ก่อนอื่นขอบรีฟสั้นๆ เกี่ยวกับความพิเศษของเกมนี้สักหน่อย สำหรับคนที่อาจจะเกิดไม่ทัน เมื่อ 30 ปีที่แล้วได้มีเกมแอคชั่น-ลุยด่าน เกมนึงออกมาบนเครื่อง Famicom ในชื่อว่า Castlevania หรือ อาคูมาโจ แดร็กคิวล่า หรือ เกมแส้ สำหรับชาวไทย ที่ชื่อว่าเกมแส้นั้นก็เพราะ พระเอก เกมนี้จะต้องเอาแส้ประจำตระกูล ออกไปปราบ Dracula ที่จะคืนชีพขึ้นมาทุกๆ 100 ปี (แหม… ปูทางมาให้ขายภาคต่อได้เรื่อยๆเชียวนะ…) สำหรับเครื่อง ฟามิคอม นั้น มีเกมแส้ออกมาถึง 3 ภาคด้วยกัน และหนึ่งในนั้น ก็คือภาคที่ถูกนำมาทำเป็น anime ฉบับนี้นี่แหละ !
หลังจากนั้น Konami ผู้พัฒนาเกม ก็หากินกับซีรี่ย์นี้เรื่อยมา ขายดิบขายดี ทุกภาค ได้ลงเกือบทุกคอนโซลที่มี ณ ตอนนั้น จนกระทั่งโลกหมุนมาถึงยุค 90s ยุคที่ PlayStation กำลังตีตลาดวีดีโอเกมอย่างหนัก Konami จึงได้ปล่อย Castlevania ภาคใหม่ออกมาในชื่อว่า Symphony Of The Night (SOTN) ซึ่งแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็น แส้ที่หายไป , เปลี่ยนจากแนวลุยด่าน มาเป็นกึ่ง RPG และ พระเอกกลายเป็นแวมไพร์แทน! เนื่องจากผลตอบรับก็ออกมาขายดีสุดๆ ทำให้ภาคอื่นๆหลังจากนี้ หันมาทำแนวเดียวกับภาคนี้กันหมดเลย และ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ Castlevania เปลี่ยนไปจากเดิมตลอดกาล (แต่ก็สนุกทั้ง 2 แบบนะ)
สิ่งที่เราชอบใน anime เรื่องนี้
ผู้อ่านทุกท่านคงมีประสบการณ์ช้ำอก-ช้ำใจกันมาแล้วหลายหน เวลาที่มีใครสักคนเอาเกมอันเป็นที่รักของเรามาทำเป็นหนัง หรือ anime หลายครั้งที่เกมนั้นๆถูกเอาไปแต่งเนื้อเรื่องใหม่ ไม่เกี่ยวกับเกมเดิมเลยสักนิด แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับ Castlevania เลย… ตรงกันข้าม มันกลับแสดงความเคารพ กับเกมต้นฉบับมากๆเลยล่ะ !
สำหรับเนื้อเรื่องของ Castlevania ฉบับนี้ เล่าย้อนไปที่ เหตุการณ์ในภาคที่ 3 (Famicom) โดยมีโครงเรื่องหลักเหมือนเดิม นั่นคือการเดินทางของ Trevor ทายาทตระกูล Belmont เพื่อไปปราบ Dracula แต่ความพิเศษของมันมีมากกว่านั้น ตรงที่มันได้เล่าเรื่องขยายออกไปจนถึงภาค SOTN (Playstation) อีกด้วย โดยเน้นไปที่สาเหตุความบาดหมางระหว่าง Dracula กับ มนุษย์ รวมไปถึง ที่มาที่ไปของ Alucard ตัวละครยอดนิยมจากภาค SOTN (คือแค่ดูไป 10 นาทีแรก คุณก็จะต้องร้อง ‘อ๋อออออ…ฉากนี้นี่เองงง’ )
ถึงแม้ตัว anime จะเคารพเกมต้นฉบับมากๆก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำออกมาทื่อๆหรอกนะ… (ใครมันจะไปอยากดู anime ที่ทั้งเรื่อง มีแต่การกระโดดฟาดแส้ใส่เทียน แล้วหัวใจหล่นลงมา ฮึ !?) ในด้านเนื้อเรื่อง ได้มีการเสริมประเด็นเกี่ยวกับความเสื่อมโทรมของศาสนจักร และ และความขัดแย้งกับตระกูล Belmont ลงไปด้วย ซึ่งตรงนี้นับว่าทำได้ดีมากๆ เป็นการเติมเต็มเนื้อเรื่องจากในเกม ให้มีมิติมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาแก่นเรื่องเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน
จุดดีอีกจุดของ anime นี้คือ การที่มันค่อยๆผนวก ภาค 3 และ ภาค SOTN เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าใครเคยเล่นเกมนี้ คงจะพอจำได้ว่า Alucard ในภาค 3 กับ ภาค SOTN เนี่ย มันคนละคนกันชัดๆ ! แต่ใน anime ฉบับนี้ ได้นำ Alucard จากภาค SOTN มาใช้แทน ซึ่งก็ออกมาดูดีเข้ากับสมัยนิยม เหมือนเป็นความพยายามที่จะรวม Castlevania ฉบับเก่า และใหม่เข้าด้วยกัน
และอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า ตัว anime นั้น มันแสดงความเคารพกับเกมอย่างมาก มีฉาก fan service โผล่มาให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง ทุกองค์ประกอบที่ปรากฏในวีดีโอเกม ถูกนำมาแทรกลงไปในเนื้อเรื่องอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็น ศัตรู , บอส , พรรคพวก , ไอเท็ม และ ด่านต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของซีรี่ย์นี้ (หมู่บ้าน ห้องสมุด ฟันเฟือง ห้องเล่นแร่แปรธาตุ ฯลฯ) เราขอบอกเลยว่า ถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้เกมนี้ คุณจะต้องร้องกรี๊ดดังๆ เพราะฟินมากๆ และสนุกไปกับการมองหารายละเอียดพวกนี้ ตลอดทั้งเรื่องเลยล่ะ
สิ่งที่เรายังไม่ชอบใน anime เรื่องนี้
ใครที่เล่นภาค 3 คงจะพอทราบดีว่า ในภาคนั้นเราจะมีเพื่อนอยู่ทั้งหมด 3 คน ได้แก่ แวมไพร์ Alucard , นักเวทย์ Sypha และ โจรสลัด Grant ซึ่งใน anime กลับไม่มี Grant !?… อย่างไรก็ตามเราก็ยังไม่คิดจะด่วนสรุป เนื่องจากขณะนี้ Netflix ได้ปล่อยออกมาแค่ season แรกเท่านั้น เราก็หวังว่าใน season ถัดๆไป คงจะมีเพื่อนเก่าของเราคนนี้ โผล่ออกมาด้วยนะ !
พูดถึงความยาวของ season นั้น ก็ต้องขอติว่าทำออกมาได้สั้นมาก season นี้มี 4 ตอนเท่านั้นเอง ดูจบแล้วก็แอบอารมณ์ค้าง ไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่นัก
สำหรับงาน anime นั้นก็ยังรู้สึกว่าทำได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ดูไม่ค่อยลื่นไหลนะ ฉากแอ๊คชั่นก็ยังทำออกมาดูเฉื่อยๆ ไม่ค่อยรู้สึกถึงความเป็นเกมแอ๊คชั่นซักเท่าไหร่ และจุดที่อาจจะรู้สึกเสียดายที่สุดก็คือ ดนตรีประกอบ เป็นที่รู้กันว่างานดนตรีประกอบของเกมนี้ ทำออกมาได้ดีมากๆ น่าเสียดายที่เพลงพวกนี้ไม่ได้ไปปรากฏอยู่ใน anime เลย
สำหรับการดำเนินเรื่องก็ยังมีบางช่วงดูแล้วจะหลับอยู่บ้างเหมือนกัน ฉากต่อสู้กันน้อยมากๆ อาจจะเพราะเป็นช่วงปูเนื้อเรื่องอยู่ด้วย คงต้องไปรอลุ้นใน season ถัดไปแทน แต่อย่างน้อยก็น่าจะใส่ฉากต่อสู้มันส์ๆมาดูแก้เบื่อหน่อยก็ยังดี
ตำนานล่าแวมไพร์ยังคงดำเนินต่อไป !
โดยสรุป ถึงแม้ว่าในแง่ความเป็น anime อาจจะไม่ได้ดีมากนัก แต่เราคิดว่า ถ้าคุณเป็นติ่งเกมนี้แบบเรา คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันอุดมไปด้วยฉาก fan service มากมาย มีทุกสิ่งที่แฟนคลับทุกคนอยากเห็นบน anime อาจจะเรียกว่าเป็น Love Letter ที่ทีมผู้สร้าง ส่งถึงแฟนๆเลยก็ได้ !
ถึงแม้ว่า Castlevania (จักรวาลเดิม) อาจจะไม่มีโอกาส ได้ออกมาเป็นเกมให้เราเล่นอีกแล้วตลอดกาล แต่หลังจากดูฉบับ anime จนจบแล้ว เราก็คิดว่าเป็นนิมิตรหมายอันดี สำหรับการปูเนื้อเรื่องไปสู่ภาคอื่นๆ ต่อไป และถ้าเกิด anime ภาคนี้ประสบความสำเร็จขึ้นมา ไม่แน่นะ เราอาจจะได้เห็น anime ที่ทำจากภาคอื่น หรือ อาจจะเล่าเนื้อเรื่องส่วนที่ยังขาดหายจากในเกม ก็ได้นะ เอ้า !สา…..ธุ
สำหรับใครที่สนใจ ก็เข้าไปสมัครดูได้ที่ Netflix นาจา… เริ่มต้นที่ 280 บาทเอง ไม่แพงเลยนะ สนับสนุนกันหน่อยจะได้มีตอนต่อไปสนุกๆดูกันนะ