[Review] Devil May Cry 5 กลับมาอย่างสมความคาดหวัง!!

    “สมความคาดหวังที่รอคอยมาตลอดสิบกว่าปี มีทุกอย่างที่แฟนๆต้องการ แม้จะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ด้วยองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดทำให้ DMC ภาคนี้คือภาคที่ดีที่สุดเลยทีเดียว ถึงจะไม่ใช่แฟนเกมนี้ แต่ถ้าชอบเกม Action เดือดๆเกมนี้ก็ต้องมีใว้ในครอบครอง”


    เล่าก่อนเริ่ม


    Devil May Cry 5

    โคตร Hype แบบสุดๆๆๆ อีกเกมของปีนี้ แล้วบอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เขียนติดใจซี่รี่ย์นี้มาตั้งแต่ภาค 4 พูดตรงๆว่าไม่เคยเล่นภาค 1-3 มาก่อน จนตอนนั้นได้มีโอกาสเล่น ภาค 4 ใน PS3 คำแรกที่ขึ้นมาในหัวคือ “ตรูพลาดเกมอย่างงี้ไปได้ไงวะ ตั้ง 3 ภาค” จากนั้น ผู้เขียนก็กลับไปหา ภาค 2-3 มาเล่นบ้างนิดหน่อย ถึงได้รู้ว่านี่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นนึงของ Capcom ซึ่งปี 2 ปีหลังมานี่ ถ้ามีตรา Capcom ประทับอยู่หน้าปก ก็มั่นใจได้ว่าดี ซึ่ง Devil May Cry 5 นี่ก็ดีจริงๆ (อ่านมาถึงขนาดนี้อย่าเพิ่งคิดว่าอวยมากเพราะข้อเสียก็มีอยู่บ้างครับผม)


    GAMEPLAY: 3 หนุ่ม, 3 มุม, 3 สไตล์


    Devil May Cry 5

    Devil May Cry เป็นเกม Action Hack/Slash แบบ High Octane คือแบบ ฟันกัน Combo เว่อร์วังอลังกาล รัวปุ่มกันแบบนิ้วแทบล๊อค และทุกครั้งที่เริ่มฉากต่อสู้ จะมีการนับ Score เป็นการไต่ระดับขึ้นไปจาก D จนถึง SSS ซึ่งต้องอาศัยความหลากหลายของท่าทางและอาวุธต่างๆเข้าด้วยกัน ซึ่งแปลว่าผู้เล่นไม่สามารถใช้ท่าเดิมๆซ้ำๆเพื่อให้ Score เพิ่มขึ้นได้ ต่อไปผู้เขียนจะแบ่ง สไตล์การเล่นตามตัวละครหลักเลยละกัน

    NERO: “จากไอ่หนุ่ม Wannabe สู่พระเอกเต็มขั้น”

    Devil May Cry 5
    ดูโตขึ้นจากภาคก่อนมาก

    ถ้าใครเคยเล่นภาค 4 มาก่อนน่าจะพอเข้าใจ Nero จะให้อารมณ์เป็นเหมือนลูกไล่ ของ Dante อีกที เช่นเดียวกับผู้เขียนเช่นเดียวกันที่ได้เล่น ภาค 4 เป็นภาคแรก เลยมี Inner กับ Nero เป็นพิเศษ แต่ภาคนี้มันเปลี่ยนไปด้วย Devil Breaker แขนกลคนท่าเยอะ ทำไห้ สไตล์การเล่นของ Nero เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เน้นไต่ระดับด้วยฟัน Combo ต่างๆแล้วจบด้วยท่าจากDevil Breaker ที่มีทั้งหมด 8 แขนด้วยกัน (ใน Deluxe Edition จะมีเพิ่มมา 4 เป็น 12 แขน)

    Devil May Cry 5
    แต่ละท่าของแต่ละแขนนี่โคตรอลัง!

    ผู้เล่นต้องคำนึงถึงท่าต่อๆไปที่จะใช้เพราะ แขน Nero สลับสับเปลี่ยนไม่ได้ ต้องระเบิดทิ้งอย่างเดียว แถมแขนพี่แกยังต้องซื้อด้วย Red Orb (ค่าเงินในเกมที่ Drop ตามฉากและจากศพศัตรู)เพราะฉะนั้นส่วนนี้เลยกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ Neroมีมิติมากขึ้นมากกว่าภาค 4 เยอะมากๆ

    V: “เข้ม ขรึม จนอึดอัด”

    Devil May Cry 5

    V ไม่ได้ใหม่แค่ตัวละคร Style การเล่นก็ใหม่ด้วยไม่เหมือนทั้ง Dante และ Nero เลย โดย V จะใช้การ Summon อสูรเข้าโจมตีแทนตัวเอง ซึ่งมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน

    Shadow คือเสือดำที่ใช้โจมตีระยะประชิด
    Griffon ที่สามารถปล่อยสายฟ้าได้แทนการโจมตีระยะไกล และสุดท้ายเป็น
    Nightmare โกเลมขนาดยักษ์ ที่จะเรียกออกมาโดยใช้พลัง Devil Trigger ถึง 3 หลอดด้วยกันจึงเหมาะกับการเก็บไว้ใช้ตอบคับขันและสู้กับ Boss มากกว่า

    Devil May Cry 5
    บู๊ๆด้วยตัวเองไม่ค่อยได้

    ส่วนที่บอกว่าอึดอัดนั้นเพราะ V ไม่มีความคล่องตัวเลย ท่าต่างๆของอสูรก็น้อยมาก มีแค่ท่าเดิม เพิ่มระดับ ตัว V ที่เราเล่นเองก็ต้องคอยหลบหลีก และเข้าไป ปิดฉากศัตรู ที่มีเลือดน้อยแค่นั้นเอง และถ้าเล่นในระดับ Devil Hunter ขึ้นไป ผู้เล่นต้องคอยดูแล อสูรของเรา ไม่ไห้ตายระหว่างการต่อสู้ด้วย ทำไห้เกมเพลย์ของ V ดูขาดๆเกินๆไปหน่อย

    DANTE: “โคตรนักล่า ท่าโคตรเยอะ”

    Devil May Cry 5
    โคตรคิดถึงพี่แกเลย

    เช่นเคยครับ พี่ Dante จะมี สไตล์การเล่นที่โคตรบ้าพลัง ท่าเยอะอาวุธแยะเต็มไปหมด สำหรับผู้อ่านที่ไม่เคยเล่น ลองนึกภาพ อาวุธ 1 ชิ้น มีท่าโดยเฉลี่ย 7-10 ท่า และ พี่แกมีอาวุธเป็นสิบ อาวุธทุกชิ้น ท่าทุกท่าสามารถสลับใช้ด้วยกันได้หมดใน Combo ชุดเดียว แถมยังมี Stance ให้เลือกใช้อีก 4 แบบ Trickster, Sword Master, Gunslinger, Royal Guard

    Devil May Cry 5
    อาวุธเยอะจนเปลี่ยนไม่ทัน

    ผู้เล่นสามารถสร้าง ชุด Combo ได้กี่แบบก็ลองคูณดูเอาครับ เยอะสุดในรุ่นแล้ว สำหรับสายเก่ามือเก๋าที่คิดถึงการสร้าง Combo แบบหลุดโลก บอกเลยภาคนี้กดเอาจอยพังก็ยังไม่สะใจ

    Devil May Cry 5
    สังเกตุ V สู้จะอยู่อีกฝั่งของด่าน แต่ไม่ได้เล่นด้วยกัน

    นอกจาก สไตล์การเล่นของทั้ง 3 หนุ่มแล้ว ภาคนี้ยังมีความพิเศษของการเล่นโหมด Multiplayer หรือที่ผู้พัฒนาเรียกว่า “Cameo System” ตามชื่อเลยไม่ใช่การเล่น Co-op แบบวิ่งไปด้วยกันตลอดเกม แต่เป็นการโผล่มาแจมใน Story line ของแต่ละตัว เช่นเราเล่นเป็น Nero แต่จะเห็น V สู้อยู่ไกลๆซึ่งนั่นก็เป็น Player เช่นกัน แต่ก็มีบาง Mission ที่จะสู้ด้วยกันได้เลย ซึ่งอยากผู้อ่านเข้าใจว่า เกมนี้เน้น Single Player มากกว่า จุดๆนี้เลยป็นเพียงแค่กิมมิคส่วนหนึ่งเท่านั้น

    ปล. อีกเรื่องที่เป็น Signature ของ Capcom เลยก็คือมุมกล้องที่ติดๆขัดๆตลอดเวลา ไม่ว่าจะจังหวะล๊อคศัตรูตัวนึงแต่กล้องจับอีกตัว หรือระหว่างเปลี่ยนฉากจนทำให้วิ่งผิดทิศผิดทางไปบ้าง


    STORY: เปิดตัวใหญ่สุด แต่ ณ จุดๆนี้…!?


     

    Devil May Cry 5

    จะรู้สึกได้ว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างกลวง เดาง่ายกว่าที่คิด พลอตหลักก็จะเดิมๆ ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนช่วงเปิดตัวแรกๆ แต่ส่วนดีก็มี คือเทคนิคการเล่าเรื่องแบบ สลับ Timeline ไปกลับๆ ทำให้เนื้อเรื่องของแต่ละตัว ดูโดดเด่นขึ้น กระจายบทบาท และปริศนาของเนื้อเรื่องหลักได้ดี บางฉากก็ทำให้ขนลุกได้ จนมองผ่านความ กลวงๆโบ๋ๆ ของพลอตหลักไปได้ ดูๆไปก็เพลินดี เหมือนลูกผสมหนังจีนกำลังภายในกับ Anime บ้าพลังเรื่องนึง


    GRAPHIC&SOUND: RE Engine คือการตัดสินใจที่ถูก


    Devil May Cry 5

    ผลงานจาก Resident Evil 2 Remake คือเครื่องการันตีได้เลยว่า RE Engine จะออกมาดีแค่ไหน ทั้งแสงและเงา, Texture, Physic ต่างๆ ไปจนถึงสีหน้าท่าทางของตัวละคร เนียบสมคำร่ำลือ

    แต่จะมีความขัดใจอยู่ตรงที่ เกมค่อนข้างกินทรัพยากรเครื่องมาก อยากจะเล่น 1080 + 60 FPS เครื่องต้องแรงในระดับนึงเลย

    Devil May Cry 5

    อีกสิ่งที่คัญสุดแต่หลายคนอาจจะไม่สังเกตคือด้านงานเสียง ผู้เขียนโคตรจะว้าว กับเพลง Theme ของ Dante ที่ ได้วง Death Metal ชื่อดังอย่าง Suicide Silence (วงโปรดของผู้เขียนเลย *0*)ทั้งภาพทั้งเสียงก็ทำให้ Adrenaline สูบฉีดสุดๆ


    สรุป


     

    Devil May Cry 5
    “ซื้อเถอะ…คุ้ม”

    Devil May Cry 5 เป็นอีกหนึ่งเกมชิ้นโบว์แดงจาก Capcom ที่คุณต้องมีใว้ในครอบครอง ยิ่งสายบู๊ฮาร์ดคอร์ ยิ่งต้องไม่พลาด ถึงเนื้อเรื่องจะกลวงๆไปบ้าง แต่ Gameplay ที่โคตรมันส์ เพลงและงานภาพสุดอลังการ จะทำให้คุณลืมจุดด้อยพวกนั้นไปหมด และอีกอย่างคือ Bloody Palace ที่กำลังจะมาในต้นเดือนเมษา จะเป็นส่วนที่ทำให้เกมนี้คุ้มมากขึ้นแน่นอน หากใครสนใจหาซื้อได้ที่ร้านค้า Stream หรือ คลิกที่นี่

     

    Facebook Comments