ขอออกตัวก่อนว่าผมชอบเกมนี้มากก! ถึงเกมนี้จะไม่ได้เพอร์เฟคและไม่ได้ innovative กว่าเกมอื่นๆ แต่มันรวมข้อดีๆของหลายๆเกมเข้าด้วยกันและบางอย่างทำให้มันดีขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นระบบการต่อสู้ที่ลื่นไหล หรือจะเป็นการเผชิญศัตรูที่เร้าใจทุกครั้งเพราะคุณอาจตายได้ทุกเมื่อ หรือกราฟฟิคสุดยอดทำให้เราบางครั้งหยุดเพื่อชมวิวรอบๆ

เมื่อเผชิญกับ Ravager กันซึ่งๆหน้า

Horizon Zero Dawn เป็น IP ใหม่ของค่าย Guerrilla Games ที่ผลิตซีรี่ย์ Killzone มาให้เราเล่น ถ้าเป็นผมก็คงเบื่อเหมือนกันถ้า 10 กว่าปีที่ผลิตแต่เกมเดิมๆ ออกมา และผมคาดว่าตอนที่ได้เกมใหม่มาพัฒนา ทีมงานคงตื่นเต้นมากเพราะผมรู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นและความเอาใจใส่ของทีมงานในผลงานที่ออกมา จึงทำให้เกมออกมาดีขนาดนี้

“…รู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นและความเอาใจใส่ของทีมงานในผลงานที่ออกมา จึงทำให้เกมออกมาดีขนาดนี้”

เนื้อเรื่อง

เกมนี้มากับ concept และเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างลึกซึ้งที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากแก่นเรื่องที่ใช้คือโลกหลังจากอารยธรรมได้กลับไปเริ่มศูนย์ ผมอาจจะบอกได้ไม่มากเพราะไม่อยากสปอยเนื้อเรื่องจนเกินไป แต่มันจะไม่เหมือนกับเกมอื่นๆอย่างเช่น Fallout หรือ The Last of Us ที่เป็นเกมธีมหรือ Post-Apocalyptic (หลังจากโลกาวินาศ) เพราะมันยิ่งกว่านั้น มันเป็นโลกหลังจากที่อารยธรรมของมนุษย์ได้เริ่มสร้างตัวแล้ว จะเรียกว่า Post-Post Apocalyptic ก็ได้ และเนื้อเรื่องของเกมได้เปิดประเด็นของการที่โนโลยีที่เรามีอยู่สมัยนี้ ถ้ามันพัฒนาไปเรื่อยๆ จะมีจุดนึงมั้ยที่ AI ล้ำมากจนกลายจุดจบของอารยธรรม?

ปีนไดโนเสาร์หุ่นยนต์ชมวิว

เนื้อเรื่องของเกมก็จะดำเนินด้วยผู้เล่นสวมบทเด็กสาวคนนึงที่ชื่อว่า Aloy (อะ-ลอย) โดยเกิดขึ้นมาไม่รู้จักพ่อแม่และเป็นพวกที่ถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านตัวเอง เค้ามีคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปของตัวเองและโลกที่เป็นอยู่ โดยมีอุปกรณ์ที่เธอเก็บได้จากอารยธรรมเก่าเรียกว่า Focus เพื่อช่วยให้เธอเห็นหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อนของศัตรูหรือ รอยเท้าของคนและสัตว์ และข้อมูลจากเทคโนโลยีจากอารยธรรมของโลกที่จบไป

ผมชอบเนื้อเรื่องทั้ง Main Story และ Side quest นะ การที่ได้เรียนรู้ทีละนิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกหรือกับตัวนางเอกเอง โดยรวมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องกระชับดีไม่ยืดยื้อจนเกินไป แต่หลายครั้งที่ฉาก cutscene ทำให้ผมรู้สึกว่าทีมงานน่าจะทำได้ดีกว่านี้เพราะ ความแข็งทื่อของหน้าตาตัวละคร และอีกอย่าง บทพูดของส่วนตัวละครเอก Aloy บางครั้งรู้สึกว่าขี้เล่นไป จึงไม่ได้อินขนาดนั้น แต่ถึงกระนั้นผมก็คิดว่าเนื้อเรื่องน่าสนใจและโดยภาพรวมแล้วออกมาได้ดีมาก

“..หลายครั้งที่ฉาก cutscene ทำให้ผมรู้สึกว่าทีมงานน่าจะทำได้ดีกว่านี้เพราะ ความแข็งทื่อของหน้าตาตัวละคร..”

กราฟฟิค

สิ่งแรกที่ประทับใจคือ กราฟฟิคของเกมนี้ที่เปิดฉากมาด้วย Aloy วัยเด็กเดินอยู่ในป่ากำลังฝึกวิชาล่าสัตว์ และเราเหลือบไปมองแสงแดดที่ส่องผ่านต้นไม้พร้อมกับใบไม้ที่ปลิวไปพร้อมกับลมอ่อนๆบนแบ็คดรอปของเทือกเขาหินที่เมือง All-Mother ตั้งอยู่ ความรู้สึกทึ่งที่เกินคำบรรยาย เหตุผลที่รูปคมกริบขนาดนี้ มาจากการที่เกมใช้ Decima Engine ที่ผลิตขึ้นมาเองชื่อ (ร่วมมือกับ Kojima Studio) ทำให้เกมดูแตกต่างจากเกมอื่นๆที่ส่วนใหญ่ใช้ Unreal Engine กัน (ผมเล่น Horizon Zero Dawn บน PS4 ธรรมดา)

ซากปรักหักพังของอารยธรรมเก่า

ถึงแม้ว่าแผนที่เล็กกว่าเกม Open world อื่นๆ (ถ้าเทียบกับเกม The Witcher 3 หรือ Metal Gear Solid) แต่ในโลกของ Horizon Zero Dawn นั้นมีนิเวศน์วิทยาที่หลากหลาย มีตั้งแต่ทุ่งหญ้า ทะเลทราย จนถึงเทือกเขาที่คลุมไปด้วยหิมะ หรือจะเป็นซากเมืองร้างของอารยธรรมที่เราคุ้นเคย และไม่ใช่แค่นั้น เกม HZD ยังมีระบบกลางวันกลางคืน และ สภาพอากาศอีกด้วย ทำให้การเดินทางไม่จำเจเลย นอกจากนั้นการที่มีสภาพแวดล้อมที่ต่างกันไป ทำให้เราต้องพลิกแพลงการต่อสู้ด้วย

และอีก feature เล็กๆที่หลายคนอาจมองข้ามไปคือ Photo Mode ที่ผู้เล่นสามารถหยุดเกมเพื่อเก็บภาพสวยๆได้อีก โหมดนี้มี option มากมายตั้งแต่ ปรับเวลาของวัน จนถึงปรับมุมกล้อง หรือจะใส่ filter หน้าชัดหลังเบลอ ก็สามารถทำได้

น้อง Aloy ปีนเก่งจริงๆ!!

ระบบการเล่น

จุดเด่นที่สุดของเกมนี้คือระบบการต่อสู้ Horizon Zero Dawn นั้นมีระบบใกล้เคียงกับ Far Cry: Primal ในแง่ที่เราเก็บวัตถุดิบเพื่อมาสร้างกระสุน แต่โดยรวมๆแล้วผมรู้สึกว่าเกมใกล้เคียงกับ The Witcher 3 ซะมากกว่าในการทำ quest หรือจะเป็นความรู้สึกของเกมโดยรวม

ข้อติเล็กน้อยที่อยากจะบอกคือหลายครั้งที่พออยู่ในที่แคบ จะเกิดการบังมุมกล้อง โดยเฉพาะเวลา Zoom และอีกอย่างก็คือเรื่องของระบบการซื้อขายในเกม หลายครั้งที่ผมต้องการซื้อของเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น potion หรือ วัตถุดิบ แต่ต้องมานั่งกดซื้อทีละอัน ทำให้รำคาญพอสมควร

ศัตรูได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์

จุดเด่นที่สุดของ HZD คงจะเป็นศัตรูที่เป็นหุ่นยนต์ที่เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ และไม่ใช่แค่รูปร่างที่เหมือน แต่พฤติกรรมก็ยังเหมือนสัตว์เหล่านี้ด้วย ซึ่งจากที่ได้คุยกับทีมงานของ Guerrilla Games แล้วว่า ทางทีมงานใช้เวลาศึกษาพฤติกรรมของสัตว์เหล่านี้เป็นเวลาถึง 18 เดือนก่อนที่จะออกแบบเลยทีเดียว และการที่เราได้ไปเจอศัตรูเหล่านี้โดยบังเอิญอย่างเช่นการที่ได้ไปเจอ Snapmaw หุ่นยนต์จระเข้ดึกดำบรรพ์ (น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Machimosaurus rex) หรือ Sawtooth หุ่นยนแมวยักษ์ (Sabertooth) ก็เหมือนเป็นการสู้กับมินิบอสเลยที่เดียว และการต่อสู้ทุกครั้งอาจถึงตายได้

ศัตรูที่คุณคิดว่าง่ายก็อาจทำให้คุณตายได้ถ้าวางแผนไม่ดี แต่อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะเกมนี้ไม่ได้ยากอย่างเช่น Dark Soul เพราะมีจุดเซฟเกือบทุกๆ 400 เมตร (หน้าตาเป็น กองไฟ)

ศัตรูบางครั้งใหญ่กว่ามาก หนีกันหัวซุกหัวซุน

ครั้งแรกที่ผมได้เจอ Snapmaw คือตอนที่ผมกำลังอยู่ระหว่างการทำ Mission ระหว่างทางเห็นว่ามีตัวอะไรลอยอยู่ในแม่น้ำ นึกว่าเป็นปลา เลยกำลังเล็งธนูอยู่จนมันโผล่หัวขึ้นมาและ ณ นาทีนั้นผมรู้ตัวเลยว่าแย่แล้ว เพราะสุดท้ายโดนจระเข้หุ่นยนต์ทั้งฝูงไล่ล่าด้วยพลังอำมหิตจนจบสิ้นชีวิตลง แต่ก็โชคดีเพราะจุดเซฟที่เป็นกองไฟอยู่ไม่ไกลนัก เหตุการเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่เป็น open-world ทำให้ผู้เล่นสามารถสร้าง “เนื้อเรื่อง” ของตัวเองได้

ระบบการต่อสู้ที่หลากหลาย

การต่อสู้ไม่ใช่มีเพียงแค่ศัตรูที่เกมนี้ดี คุณสามารถใช้อาวุธได้หลากหลายมาก นอกจากหอกคู่ใจแล้ว ก็ยังมีธนูธรรมดา ปืนยิงเชือก หนังสติ๊ก จนถึง “ปืนลูกซอง” และบวกกับความทันสมัยนิดนึงที่สามารถใช้กระสุน/ลูกธนูพิเศษได้ (ธาตุไฟ น้ำแข็ง ไฟฟ้า ฯลฯ) ทำให้เรามีวิธีที่จะจัดการกับศัตรูหลากหลายมาก และขึ้นอยู่สไตล์ของแต่ละคนด้วยว่าอยากจะเป็นนักล่าแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นแบบ Stealth ที่แอบเข้าไปเก็บทีละตัวอย่างเงียบๆ หรือจะล่อศัตรูเข้าไปในกับดักที่วางไว้ หรือจะบู๊เลยแล้วจัดการศัตรูด้วยจุดอ่อนของมันเอง (โดยใช้ Focus เพื่อดูข้อมูลของศัตรู)

“เรามีวิธีที่จะจัดการกับศัตรูหลากหลายมาก และขึ้นอยู่สไตล์ของแต่ละคนด้วยว่าอยากจะเป็นนักล่าแบบไหน..”

ใข้ override เพื่อขี่หุ่นยนต์ได้ได้

อีกเครื่องมือนึงที่ Aloy สามารถใช้ได้ก็คือการ override หรือ ควบคุมหุ่นยนต์นั่นเอง ซึ่งเราสามารถใช้ควบคุมเพื่อใช้เป็นพาหนะหรือมาช่วยเราสู้ก็ได้ ซึ่งก็ทำให้มีกลยุทธเพิ่มเติมหากเราไปเจอกลุ่มศัตรู

เมนูถูกออกแบบให้ใช้ง่ายมาก โดยเราสามารถเปลี่ยนอาวุธได้รวดเร็วโดยระบบล้อหมุน (กดปุ่ม L1 และเลือกด้วย R3) ระหว่างนั้นเวลาจะช้าลงและยังสามารถกระโดดหลบศัตรูได้อีก ทำให้การต่อสู้ลื่นไหลสมเป็นเกม action จริงๆ

ระบบการอัพเกรด และ Skill Tree ต่างๆที่ไม่ซับซ้อนเกินไป

อาวุธมีหลายชนิดให้เลือกใช้

ช่วงแรกที่เล่น ผมรู้สึกว่าระบบอาวุธหรือการอัพเกรดอุปกรณ์ของเรามันตื้นไปนิด แต่พอเล่นไปซักพักก็เปลี่ยนความคิดนี้เพราะรู้สึกว่าความเรียบง่ายทำให้เราสามารถไปสนใจอย่างอื่นได้ อย่างเช่นการปรับปรุงเทคนิคการต่อสู้ของเรา เพราะนอกจากเพิ่มความสามารถของอาวุธเราแล้ว เรายังสามารถเลือกการอัฟสกิลตัวละครของเราในรูปแบบที่เหมาะกับไสตล์การเล่นของเราได้อีกด้วย

Skill Tree แบ่งเป็น 3 ชนิด

การเพิ่มเลเวลจะได้ Skill point มาหนึ่งอัน บวกกับการทำภารกิจบางอันสำเร็จก็จะได้ Skill point เหมือนกัน โดยการอัฟสกิลจะแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ด้วยกัน (ย่องเบา (Prowler), บู๊ (Brave), เก็บเกี่ยว (Forager)) และทำให้เกมนี้มีการพลิกแพลงมากขึ้นและน่าตื่นเต้นทุกครั้งที่เจอศัตรู ตัวอย่างสกิลที่ผมรู้สึกว่าช่วยมากในการที่เป็นนักล่าคือสกิล Concentration ที่สามารถทำให้เวลาช้าลงขณะที่เราเล็งอยู่ แต่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะช่วงปลายเกม คุณก็สามารถปลดล็อคทุกสกิลได้ แค่อยากจะโฟกัสที่สกิลไหนก่อนเท่านั้น

บทสรุป

เกม Horizon Zero Dawn เป็นเกมที่ทำให้การรอคอยของผมไม่ผิดหวังจริงๆ การต่อสู้ทุกครั้งที่ตื่นเต้น บวกกับเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ผมเล่นจบเกมภายในเวลา 44 ชั่วโมงรวมทำ Side quest นิดหน่อย และก็ยังรู้สึกว่ายังอยากกลับไปเก็บ side quest ให้หมด

จริงอยู่ที่ช่วงหลังๆรู้สึกว่าการที่สู้กับศัตรูที่เป็นมนุษย์ตื้นไปนิดนึง และเนื้อเรื่องหลักบังคับให้ต่อสู้กับมนุษย์ค่อนข้างเยอะ แต่โดยภาพรวมแล้วทีมงาน Guerrilla Games ทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความเท่ห์ของตัวละครได้ดีมาก ถึงแม้การ animate หน้าตายังแข็งได้นิดและบทพูดของตัวละครเอกออกแนวขี้เล่นไปหน่อย ส่วนกราฟฟิคนั้น ทำให้ผมเป็นแฟนของ Decima engine เลยทีเดียว เพราะมันสวยมากทำให้การ explore โลกของเกมเป็นอะไรที่ไม่น่าเบื่อเลย

ส่วนตอนจบถึงแม้ว่าจะสรุปได้ดีแต่ทีมงานก็ยังทิ้งท้ายไว้เผื่อมีภาค 2 ได้อีก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และผมก็เป็นคนนึงที่จะตั้งหน้าตั้งตารอภาคต่อไปครับ


Facebook Comments