ภาคก่อนนั้นได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ค่อยจะดีนัก เนื่องจากมีการลดความสวยงามทางด้านกราฟฟิคลงไปจากที่โฆษณาไว้ รวมถึงระบบฟิสิกส์ ที่ไม่สมจริง จนทำให้แฟนๆ ผิดหวัง แต่พอมาในครั้งนี้ Watch Dogs 2 ได้มีการปล่อย Trailer เท่ๆ ออกมาหลายตัว และ Gameplay จากงาน E3 ที่ไม่ได้ทำให้กราฟฟิคดูเว่อวังอะไรมากเท่าไร และดูจะเน้นไปในด้านรูปแบบการเล่นมากกว่า ทำให้เรารู้สึกได้ว่าคราวนี้คงมาแบบจริงใจไม่ไก่กา ทำให้มีกลุ่มคนให้ความสนใจเกมนี้มากพอสมควร
เนื้อเรื่องย่อ
ในครั้งนี้ระบบที่ควบคุมตัวเมืองอย่าง CTOS ยังคงเข้ามามีบทบาทเหมือนเกมภาคที่แล้วเหมือนเดิม ซึ่งถ้าหากใครยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร CTOS คือระบบที่ควบคุมเมืองทั้งเมืองที่เรียกว่าระบบแบบเบ็ดเสร็จเลยก็ว่าได้ ไม่จะเป็นระบบรักษาความปลอดภัย ไฟฟ้า ข้อมูลส่วนบุคคล บันทึกทางการเงิน บันทึกอาชญากร ฯลฯ ซึ่งระบบ CTOS สามารถที่จะวิเคราะห์ความเสี่ยงและป้องกันเหตุล่วงหน้าได้ก่อนมนุษย์คนนั้นจะทำผิด หรือจะอนุญาตให้คนๆนั้นทำอะไร เช่นวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินล่วงหน้าและไม่อนุมัติเงินกู้ที่ขอเข้ามาทันทีหากพบความเสี่ยง หรือ ตรวจสอบข้อมูลทางออนไลน์ของผู้สมัครงานและปฏิเสธการสมัครงานโดยอาศัยข้อมูลจากในโลกออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งถ้ามองผิวเผินดูเหมือนว่าจะเป็นระบบที่นำมาจัดระเบียบสังคมได้ดี แต่ดันมีกลุ่มคนที่อาศัยผลประโยชน์จากข้อมูลตรงนี้ นำไปใช้ในการตลาด นำไปขายให้บริษัทการเงิน และพวกนักการเมือง จึงมีกลุ่มคนที่ชื่อว่า Dedsec เข้าต่อต้านการกระทำที่ละโมบโลภมากนี้ให้หมดสิ้นไป
การดำเนิน เนื้อเรื่อง 7.5/10
“โครงเรื่องนั้นวางออกมาไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไร เพราะดูไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ถึงแม้ว่าจะมีภารกิจเท่ๆ และน่าสนใจให้เล่น”
สำหรับเนื้อเรื่องในภาคนี้ต้องบอกเลยว่าไม่จริงจังเท่ากับภาคก่อนหน้า ที่ตัวเอกของเราทนไม่ไหวกับความเน่าของสังคมและการที่ต้องเสียลูกสาวไป เลยตั้งตนเป็นศาลเตี้ยออกสังหารเหล่าร้าย ซึ่งเนื้อเรื่องจะดูจริงจังและเข้มข้นกว่าภาคนี้เยอะ ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็น Marcus แฮคเก้อร์มือฉกาจฉายาว่า Retr0 ผู้ที่ถูกชักชวนให้เข้าไปอยู่กับกลุ่ม Deadsec ตั้งแต่ในช่วงต้นของเกมซึ่งคนในกลุ่มนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความถนัดในแต่ละด้านแตกต่างกันออกไป อย่างเช่น Wrench ผู้สวมหน้ากากตลอดเวลาและแสดงสีหน้าผ่านไฟ LED หรือ Josh ที่ออกจะดูเนิร์ดๆ แปลกๆ แต่เป็นเพื่อนที่น่ารักคนนึงเลยทีเดียว ในส่วนของเรื่องราวของ Marcus นั้น เราไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวละครมากเท่าไรนักอารมณ์จะเหมือนอยู่ๆก็พลุ่บขึ้นมาเลยมากกว่า ซึ่งน่าจะทำให้เราอินกับเกมได้มากกว่านี้ถ้าทำให้เราเข้าใจเหตุผลของตัวละครได้ว่าทำไมถึงมาเป็นแฮคเก้อร์
สำหรับบทสนทนานั้นทำออกไปได้ดี Cut Scene สวยงาม (สวยงามกว่าตอนเล่นเยอะ) ไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะกดข้าม แต่ติดก็ที่ว่า โครงเรื่องนั้นวางออกมาไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไร เพราะดูไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ถึงแม้ว่าจะมีภารกิจเท่ๆ และน่าสนใจให้เล่น แต่เหตุผลที่นำมาสนับสนุนการกระทำและวิธีการ กลับดูจะไม่สอดคล้องกันเท่าไร แต่โดยรวมก็ถือว่าทำออกมาได้ไม่เลว
รูปแบบการเล่น 9/10
“ต้องบอกก่อนเลยกว่าภาคนี้ระบบการเล่นทำออกมาได้ดีกว่าภาคที่แล้วเยอะ “
ต้องบอกก่อนเลยกว่าภาคนี้ระบบการเล่นทำออกมาได้ดีกว่าภาคที่แล้วเยอะ มีของเล่นให้เล่นเยอะขึ้นมาก App ในมือถือดูมีประโยชน์มากขึ้นกว่าแต่ก่อนและหลากหลายมากกว่าภาคก่อนเยอะ มาในครั้งนี้เราสามารถเลือกเล่นได้ 3 สไตล์ด้วยกัน คือ Aggressor บู๊แหลก แบบหนังแอคชั่น หรือจะเป็น Trickster แนวเทคโนโลยี ใช้หุ่นยนต์แอบๆ เข้าไปแฮคข้อมูลโดยของเล่นรถบังคับและโดรน หรือว่าจะเอา Ghost แบบสไตล์แบบนินจาลอบข้างหลังเชือดนิ่มๆก็ได้ ถึงแม้ว่าตัวเกมจะแบ่งออกมาเป็น 3 สายชัดเจน แต่ว่าเวลาเราเล่นจริงๆ นั้นก็ยังต้องใช้แทบทุกแบบอยู่ดี แต่ไม่ต้องห่วงครับ สกิลพอย์เรามีมากพอให้ใช้แทบจะทุกอันอยู่แล้ว โดยส่วนตัวแล้วการเล่นแบบบู๊นั้นออกจะยากกว่าภาคเก่านิดนึงตรงที่ คราวนี้ถ้าเราเน้นบู๊ยิงแหลกแล้วละก็ ศัตรูมันสามารถเรียกพวกมาได้เรื่อยๆ นะครับ แม้จะไม่ได้เป็นตำรวจก็ตาม ซึ่งถ้าเราสกัดการเรียกพวกมันได้ก็โชคดีไป แต่ AI ก็ฉลาดพอที่จะไปเรียกพวกจากที่ไกลๆ ที่เราเข้าไม่ถึง จึงเป็นสาเหตุให้การเล่นแบบบู๊ ในภาคนี้ยากกว่าภาคก่อนพอสมควร ระบบการปีนป่ายนั้นลืม Assassin Creed ไปได้เลยนะครับ ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย ถึงแม้ว่า Trailer จะทำออกมาให้ดูเหมือนว่าเราทำ Parkour ได้ แต่แค่ตึกเตี้ยติดกันบางทียังไม่ให้เราโดดไปเลย
“เล่นทั้งหมดเลยเวลาการเล่นโดยรวมก็จะอยู่ที่ประมาณ 40 ชมเป็นอย่างน้อย..เอาเป็นว่าคุ้มละกันครับ”
สำหรับภารกิจต่างๆ ก็มีให้เล่นกันมากมายเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นภารกิจหลัก และ ภารกิจรองที่มีมากันให้เล่นได้ตลอด ซึ่งจะสามารถดูดเวลาของเราไปได้ประมาณ 25 ชม ซึ่งส่วนใหญ่จะหนักไปทาง Hack ข้อมูล บางทีกินเวลานิดหน่อยเพราะมันเหมือน Puzzle นิดนึง แต่ถ้าหากว่าจะปั๊มเงิน ก็ยังมีภารกิจแข่งรถ ขับรถ TAXI หรือจะรับภารกิจย่อยข้างทางที่มาเรื่อยๆ และนี่ยังไม่นับพวกสกิลพอย์ที่เราจะได้มาจากการแฮ็คสถานที่ต่างๆ ซึ่งเราจำเป็นจะต้องใช้ในการอัพสกิล (ไม่มีอัพไม่ได้) เหล่านี้ถ้าเล่นทั้งหมดเลยเวลาการเล่นโดยรวมก็จะอยู่ที่ประมาณ 40 ชมเป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับความสามารถแต่ละคนไป และถ้าไล่ซื้อเสื้อผ้า ซื้อรถนี่ยิ่งไปกันใหญ่ เอาเป็นว่าคุ้มละกันครับ
สิ่งนึงที่ทำให้รู้สึกไม่อินเท่าไรสำหรับการเล่นก็คือ ไม่มีผลต่อเนื่องจากการกระทำของเราเท่าไรนัก เพราะถ้าหากคุณเลือกที่จะฆ่าคนเพื่อบรรลุเป้าหมาย กลับไม่มีเหตุการณ์อะไรมาทำให้ผู้เล่นเห็นซะหน่อยว่าแบบอันนี้มันเกินไปนะ แค่จะเข้าไปแฮคเซิฟเวอร์ invite (Facebook เวอชั่นของเกมนี้) ฆ่าคนเป็นเบือ มันก็ออกจะเกินไปนิดนึง โดยเฉพาะการที่ตัวเกมแสดงค่า EXP เป็นค่า Follower เลยทำให้รู้ว่าถ้าเราเลือกแบบโหดมากก็ควรจะมีอะไรมาลงโทษเรานิดนึง
ในส่วนของ Multiplayer นั่นก็คล้ายๆกับภาคก่อนหน้านี้ก็คือเราสามารถบุกไปโลกของผู้เล่นคนอื่นได้เพื่อพยายามขโมยข้อมูลของผู้เล่นคนนั้น หรือว่าจะอยากเล่นแบบ Co-op ช่วยกันทำภารกิจกับเพื่อนก็ได้เหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ถ้าหากว่าเราทำความเสียหายมากๆกับเมืองเช่น ฆ่าประชาชนเยอะๆ เราจะถูกตั้งค่าหัว และจะมีผู้เล่น อีกสามคนมาพยายามรุมล่าเอาค่าหัวเรา แต่ในทางกลับกันท่าเราสามารถจัดการพวกที่มาเอาค่าหัวเราได้ เราก็จะได้ค่าตอบแทนที่มากกว่าค่าหัวเราเช่นเดียวกัน ถือว่าสนุกดีครับถ้าเล่นกับเพื่อน
กราฟฟิค 7.5/10
จากที่ได้ทดสอบเกมนี้ใน PS4 ภาพเกมนี้นั้นสวยงามดี โดยจะมีสีสันสดใสมากกว่าเกมแนวเดียวกัน แต่ก็ยังพอมีรอยหยักให้เห็นบ้าง ในบางจุดแสงเงายังทำออกมาได้ไม่ดีนัก แต่โดยรวมถือว่าไม่ได้ขี้เหร่ ถือว่าสอบผ่านมาตรฐานเกมยุค 2016 ส่วนถ้าใครไม่มี PS4 Pro ก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะภาพไม่ได้หลุดกันมากเท่าไร
เสียง 7.5/10
เสียงทำออกมาได้ค่อนข้างดี เสียงปืนอาจจะดูไม่อลังการเท่าไร แต่สิ่งที่ทำได้ดีคือเสียงบรรยากาศแวดล้อม พวกเสียงเครื่องบินบินผ่าน เสียงคนคุยกัน เสียงลมพายุเข้า เสียงสัญญาณกันขโมยดังจากที่ไกลๆ ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว
Soundtrack ที่เลือกใช้ในเกมนี้มีหลากหลายแนว แต่ที่น่ารำคาญคือ ต้องคอยมาจับเพลงใหม่ๆ ที่เราเจอ (เหมือนโปรเกมในมือถือที่เราใช้หาเพลงเวลาเราไม่รู้จักเพลงนั้น) มันถึงจะไปมีอยู่ในเพลลิสของเรา
