อาจไม่ทันสังเกต แต่ผมเชื่อว่าหลายคนเป็น เวลาจะเลือกเล่นเกมสักเกม จริงๆ ก็ไม่ได้เลือกตามกระแส หรือว่ามีใครมาชักชวนให้เล่นหรอก จริงๆ แล้วเลือกเล่นเกมตามแนวที่ตัวเองถนัด หรือ Genre (ฌอง-รา) ที่ตัวเองชอบ ถ้าสมมุติมีเกมแนวนั้นออกมาเมื่อไหร่ ต่อให้กระแสจะเงียบสักแค่ไหน หรือเพื่อนๆ ไม่มีใครเล่นด้วย ก็ต้องไปเสาะแสวงมาลองจนได้ มีใครเป็นแบบนี้กันบ้างหรือเปล่าครับ?

วันนี้ผมเลยไปดูกันว่า ในเกมแต่ละแนวที่ตัวเองเล่นๆ มานั้น จริงๆ แล้ว มันมีต้นกำเนิดความเป็นมาจากไหน เกมอะไรที่เป็นตัวบุกเบิกให้แนวนั้นโด่งดังเป็นที่รู้จัก จนเกิดเป็นเหมือนต้นน้ำที่ทำให้มีเกมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย จะมีเกมอะไรกันบ้าง หรือจะมีเกมที่คุณยกไว้เป็นเกมโปรด เกมเปิดโลกในดวงใจหรือไม่ มาดูกันเลย

แนว Fighting

Street Fighter II (1991)

Platform: Arcade/Famicom

เกมต่อสู้ขวัญใจเด็กตู้เกมยุคบุกเบิก จำได้ว่าสมัยก่อนจะไปเล่นเกมต้องแลกเหรียญไปเยอะๆ แล้วก็นัดเจอกับเพื่อน (นัดยากนะครับ ยุคที่ต้องโทรตามกันด้วยตู้โทรศัพท์เนี่ย) เพื่อวอร์มนิ้ว จากนั้นก็ท้าคนอื่นเล่นไปเรื่อยๆ ความมันอยู่ที่เราจะต้องชนะให้ได้เยอะๆ จะได้เล่นนานๆ วันไหนกลับบ้านโดยที่เหรียญยังเหลือจะรู้สึกเท่มาก

เอาล่ะ นอกเรื่องไปไกล ความสำคัญของ Street Fighter II จนถือเป็นผู้บุกเบิกเกมต่อสู้ ก็คือการที่ให้ผู้เล่นสามารถเลือกตัวเล่นได้หลากหลาย โดยตัวละครสำคัญคือ Ryu กับ Ken ศิษย์ร่วมสำนักต่อสู้ที่จะต้องช่วยกันปราบเหล่าร้ายที่คิดจะครองโลก

นอกจากนี้ แต่ละตัวก็จะมีการผสมท่าคอมโบที่แตกต่างกันออกไปได้มากถึง 30 กว่าท่า ทำให้การต่อสู้ของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และทำให้เกมต่อสู้หลายๆ เกมที่ตามมาหลังจากนั้น เอารูปแบบนี้มาใช้จนเกิดกระแสความนิยมเกมต่อสู้ และแน่นอนว่าหัวเรือใหญ่ของกระแสนี้ก็คือ Street Fighter นั่นเอง

เวลาไปเล่นต้องโชว์ Perfect แบบนี้

แนว Arcade

Dance Dance Revolution (1998)

Platform: Arcade/PSX

อาจจะไม่ต้องอธิบายอะไรมากกับ “เกมเต้น” ที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการเกมอย่างแท้จริง และฮิตถล่มทลายในบ้านเราอยู่พักใหญ่ๆ เลยทีเดียว ตัวเกมนั้นง่ายมาก ก็คือผู้เล่นต้องเหยียบปุ่มที่มี 4 ปุ่มให้พอดีกับจังหวะเพลงว่าจะขึ้นปุ่มไหนให้เราเหยียบ

ความดีงามของเกมนี้คือ นอกจากจะเป็นการเปิดตัวเกมแนว Music-based/Rhythm ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว Dance Platform ที่ Konami เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ยังพลิกการเล่นเกมให้มีมากกว่านั่งกดปุ่มหน้าจอ ให้เป็นกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้เป็นหมู่คณะ การเล่นที่ไม่จำเป็นต้องมีทักษะการเล่นเกมมากมายนัก ยังเป็นการเชิญชวนให้คนที่ไม่สนใจการเล่นเกมมาก่อน ได้มาสัมผัสความสนุกสนาน และทำให้เกิดผู้เล่นหน้าใหม่มากมายที่ติดใจในเกมแนวนี้ และเป็นใบเบิกทางให้อีกหลายๆ เกมในแนวนี้ ทั้ง Audition, Guitar Hero

 

เกมเมอร์บ้านเราไม่แพ้ใครในโลกจริงๆ

EDIT: ใส่วีดีโอผิดเป็นเกม Pump It Up ที่ได้อิทธิพลมาจาก DDR (เพิ่มวีดีโอ Freestyle ของเกม DDR ไป)

แนว Survival Horror

Alone in the Dark: The New Nightmare (2001)

Platform: PSX/PC

เกมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายสยองขวัญคลาสสิคของ H.P Lovecraft ด้วยความระทึกขวัญบวกกับเนื้อเรื่องที่แสนเข้มข้น เพราะแทนที่จะเป็นเกมเดินหน้าฆ่าไม่ถอย เอาความมันส์เป็นหลัก The New Nightmare ไปไกลกว่าเกมอื่นๆ ด้วยมุมกล้องแบบสมจริง ทรัพยากรอย่างกระสุนหรือยาเพิ่มพลังที่แสนจำกัด เล่นกับจิตใจของผู้เล่นและความกลัวภายในตัวเรามากกว่าสัตว์ประหลาดหน้าตาหวือหวา

ความเครียดที่จะต้องเอาตัวรอดจากความกลัว สภาพแวดล้อมที่อันตราย ทำให้ The New Nightmare ฉีกขนบเกมสยองขวัญแบบโบราณและกำหนดแนวเกมที่เรียกกันว่า “Survival Horror” ขึ้นมาใหม่เลยทีเดียว เกมนี้เองทำให้ Alone in the dark ถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ แต่ก็นั่นแหละนะ เราไม่พูดถึงแล้วกัน

ใครที่คิดถึง เอา Walkthorugh มาให้ดู

แนว RTS

Warcraft: Orcs & Humans (1994)

Platform: PC

เกม Real-Time Strategy (RTS) ที่โดดเด่นตั้งแต่การแบ่งเผ่าพันธ์ที่มีเอกลักษณ์เด่นชัด รวมไปถึงผสานแนวคิดเรื่องการจัดการทางเศรษฐกิจเข้ามา ซึ่งทำให้ Warcraft: Orcs & Humans ถือเป็นต้นแบบของเกมแนววางแผนการรบในยุคต่อๆ มา

ส่วนหนึ่งต้องยกนิ้วให้ผู้พัฒนาเกมอย่าง Blizzard ซึ่งได้ทำให้ Mouse กลายเป็นอุปกรณ์การเล่นเกมที่สำคัญสำหรับ PC และภาพที่ลื่นไหลอย่างเป็นธรรมชาติทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม Franchise Warcraft ยังคงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

หน้าจอ Interface ที่คิดถึงกันใช่ไหมล่ะครับ

แนว FPS

Half-Life (1998)

Platform: PC, PlayStation 2

ถ้าถามหลายๆ คนว่าให้คุณคิดถึงเกมแนวเดินยิง จะนึกถึงชื่อเกมไหน คงมี Counter Strike ขึ้นมาแน่นอน แต่จะทราบกันไหมว่า เคาท์เตอร์ๆ ที่เราเรียกกันติดปากเนี่ย เป็น Mod ของ Half-Life นะครับ!

ความดีงามที่ทำให้ HL เป็นเกม FPS ที่แตกต่างจากเกมอื่นๆ ในยุคนั้น ก็คือผู้เล่นจะต้องทำภารกิจ Action ด้วยตัวเอง แทนที่จะใช้ฉาก Cut Scene เป็นตัวดำเนินเรื่องเหมือนเกมอื่นๆ ทำให้เราต้องดำเนินเนื้อเรื่องทั้งหมดในมุมมอง First Person ตลอดเวลา แถมตัว Morgan Freeman จะไม่มีประโยคพูดเลย ให้ผู้เล่นคิดเอาเองว่าตอบว่าอะไร! (เราไม่จะเห็นตัวละครของเรา หรืออีกนัยหนึ่ง “ตัวเอง”) ยิ่งเพิ่มความอินให้มากเข้าไปอีก

จินตนาการและเส้นเรื่องก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะมีทั้งมนุษย์ต่างดาวล้ำๆ (หมึกกระทิงเงี้ย พี่คิดได้ไง) อาวุธแปลกๆ (ใครเล่นเกมนี้แล้วไม่เคยลองใช้เชลียงหวดสัตว์ประหลาดบ้าง?) ทำให้เกมนี้ยังครองใจคนทั่วโลก และเป็นเหตุผลว่าทำไมข่าว Half-Life 3 ถึงได้ขายได้ทุกปี…

ดูทีไรก็คิดถึงจริงๆ

แนว RPG

Final Fantasy VII (1997)

Platform: PlayStation

ผู้บุกเบิกเกม RPG ที่ตั้งมาตรฐานและภาพจำให้กับการสร้างตัวละคร จนทำให้หลายๆ เกมในแนวนี้ที่ตามมาทีหลัง แทบจะหนีกันไม่พ้น เพราะตัวตนของ FF7 นั้นยิ่งใหญ่ซะจนทำให้คำว่า Final Fantasy แปลว่าเกมแนว RPG ไปโดยปริยาย

FF7 ไม่ใช่แค่เกม “ภาษา” อย่างที่เคยมีมาก่อน พวกพาผู้เล่นไปบุกเบิกขอบเขตใหม่ๆ ของการเล่นเกม ทั้งเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและพาเราไปสำรวจคอนเซปลึกๆ อย่างความตาย หรือชีวิต พูดว่าทำเป็นนิยายยังได้เลย งานด้านภาพกราฟฟิคที่ผสมภาพแอคชั่นแบบ 3D เข้ากับบ้านเมืองในสไตล์ Steampunk จนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่สำคัญที่สุด ก็คือตัวละครที่น่าจดจำจน Sephiroth กลายเป็นตัวร้ายที่มีเกมเมอร์หลายรุ่นจดจำได้มากที่สุดในโลกของเกม อีกหนึ่งความสำคัญของเกมนี้ก็คือ การเป็นใบเบิกทางให้กับ PlayStation ของ Sony จนกลายมาเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมในปัจจุบัน

หา Gameplay ไม่เจอ เอา Recap มาให้ดู เผื่อคนที่ไม่เคยเล่นจะสนใจ

แนว Simulation

The Sims (2000)

Platform: PC

เมื่อตอนที่แนวคิดนี้เกิดขึ้นนั้น นักพัฒนาเกมในยุคนั้นปรามาสไว้ว่าดูเหมือนบ้านตุ๊กตาที่ตอบโต้ได้มากกว่าจะเป็นเกม ผลเป็นอย่างไร คุณก็คงเห็นกันแล้ว เพราะถึงแม้คุณจะมีหน้าที่ดูแลครอบครัวชาว Sims ให้มีความสุขด้วยการทำงานหาเงินเหมือนปกติ ดูแลพวกเขาให้มีความสุข กินข้าว ออกกำลังกาย พัฒนาความสามารถหรือหาความบันเทิง สร้างความสัมพันธ์กับชาว Sims คนอื่นๆ

แต่แฟนๆ ซิมส์ทุกคนรู้ว่าความสนุกไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่เป็นการที่ตัวเกมเปิดกว้างโดยไม่มีเป้าหมายหลักหรือเส้นเรื่องให้เดินตาม คุณจะทำอย่างไรกับชาว Sims ก็ขึ้นอยู่กับคุณเองล้วนๆ ปรัชญาที่ซ่อนไว้ใน The Sims เป็นเหมือนกับที่ทดสอบจริยธรรมและสำรวจดูความดำมืดในจิตใจของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี ความพึงพอใจที่ผู้เล่นมีในฐานะ “พระผู้สร้าง” ทำให้เกมนี้ล้ำกว่าใครๆ ทั้งในแง่แนวคิดและการเล่นเลยทีเดียว

แค่ดนตรีขึ้นต้นก็คิดถึงแล้ว หาแผ่นก่อนแปปนึง

แนว Action-adventure

Grand Theft Auto III (2001)

Platform: PlayStation 2

จุดเริ่มต้นเกมสไตล์ Heist ที่สร้างปรากฏการณ์ในการเล่นเกมและยังไปไกลจนถึงการตั้งคำถามต่อศีลธรรมของผู้เล่น ด้วยภารกิจที่หมิ่นเหม่ต่อความดีงามในสังคมและการเป็นเกมเปิดจนทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างภารกิจของตัวเองขึ้นมาได้

ผู้พัฒนาเกมอย่าง Rockstar ได้ทำให้ GTA กลายเป็น Icon สำหรับวงการเกม เพราะถึงแม้จะมีภารกิจให้ตามเล่น แต่โลกในเกมก็เปิดกว้างและเหมือนจริงจนผู้เล่นสามารถยึดคอนเซป “Go anywhere and do anything.” ได้โดยอิสระ หลายครั้งที่ผู้เล่น GTA ยอมรับว่าพวกเขามักจะเข้าไปขับรถเล่นเรื่อยเปื่อย ไม่ก็ทำภารกิจย่อยตลกๆ เช่น ส่งพิซซ่า หรือ ขับแท๊กซี่ หรือจะต่อยคนเล่นๆ แล้วรบกับตำรวจก็ยังได้ และนี่ก็ทำให้ถึงแม้ว่าจะมีอีกหลายต่อหลายเกม พยายามทำเหมือน GTA ก็ไม่มีใครเอาชนะ Rockstar ได้เลย และ GTA ยังคงเป็นหนึ่งในเกมที่มีคนพูดถึงอยู่เสมอ

คิดถึงเมือง Liberty กันบ้างหรือเปล่าจ๊ะ

แนว Puzzle

Tetris (1984)

Platform: Game Boy

เกมตัวต่อแสนคลาสสิคที่ง่ายพอจะเชิญชวนให้ทุกคนเล่น และยากพอที่จะทำให้เกมเมอร์มือหนึ่งปวดหัว ด้วยเพราะคอนเซปง่ายๆ เพียงแค่พยายามต่อตัวต่อให้พอดีกันและไม่ให้มันซ้อนจนเกินเส้นที่กำหนดไว้ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ Tetris อยู่ยงคงกระพันมากว่า 30 ปี โดยที่ยังสามารถมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสมอๆ และดูเหมือนว่าความนิยมของมันก็ไม่เคยจะลดลงไปด้วย

แนว Platformer

Super Mario Bros (1985)

Platform: Famicom

คุณจะได้รับบทช่างประปาชาวอิตาลีผู้ต้องไปช่วยเจ้าหญิงจากภัยของเหล่าร้าย โดยจะเป็นการเล่นแบบ Side-scrolling และประจัญหน้ากับศัตรูหลากหลายรูปแบบ ฟังดูแล้วง๊ายง่าย แถมยังไม่ใช่เล่นเกมแรกที่ทำซะหน่อย อะไรล่ะที่ทำให้ลุงหนวดชาวอิตาลีคนนี้ ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน? เราลองมาไล่กันดูดีกว่า

น่าจะเป็นเพราะ Sound Effect ที่ติดหู Background อันปราณีตและฉูดฉาด ความไม่ซับซ้อนในการเล่น เพียงคุณพาช่างประปาหนวดงามของเราเดินผ่านด่านไปเรื่อยๆ โดยไม่ตกท่อตายเสียก่อน พร้อมกับเหล่าสัตว์ประหลาดที่บางทีก็น่ารักมากกว่าน่ากลัว ทำให้ถึงแม้ Super Mario Bros จะไม่ใช่เกมแรกในรูปแบบ แต่ก็เป็นเกมที่จุดประกายความนิยมของมัน จนทำให้มีเกมแนวนี้ออกมามากมายจนกระทั่งปัจจุบัน

นอกจากตัวเกมและการเล่นแล้ว ความนิยมในตัวละครสองพี่น้อง Mario และ Luigi ยังทำให้เกิดเป็นสินค้าหลายต่อหลายอย่าง และยังสามารถแตกเป็นแฟรนไชส์เกมอีกหลายแบบที่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ลิสต์ของเราถูกใจไหมครับ มีเกมโปรดที่เปิดโลกของคุณบ้างหรือเปล่า ถ้าเราตกหล่นเกมไหน หรือถ้าคุณคิดว่า เอ๊ะ จริงๆ ในแนวนี้ น่าจะเป็นเกมอื่นมากกว่า หรือเคยเล่นเกมอื่นที่คิดว่า โหย พลาดเกม/แนวนี้ไปได้ยังไง รบกวนแบ่งปันกันมาหน่อยนะครับ

Facebook Comments