ออกมาได้สักพักนึงแล้ว บน PS4 ส่วนใน Stream ก็มีวางขายแล้วในโซนอื่นๆ ของไทยก็คงจะตามมาอีกเร็วๆนี้ เรากำลังพูดถึง NieR : Automata เกมสุดแนว… สุดเหงา… สุดเศร้า จับขั้วหัวใจ… ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะออกมาชนๆกับกระแส Horizon Zero Dawn เลยอาจจะโดนแย่งซีนไปนิดหน่อย ยังไงก็ตาม เราคิดว่า Nier : Automata ยังเป็นเกมที่ไม่ควรมองข้าม และทำออกมาได้น่าสนใจมากๆ มาดูกันดีกว่า ว่านอกจากกางเกงในของนางเอกแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่จะทำให้คุณตื่นเต้นได้อีกบ้าง
![](/wp-content/uploads/2017/03/007-1-1024x576.jpg)
ก่อนอื่นเราก็ต้องขอท้าวความสักเล็กน้อยว่า NieR : Automata นั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นเกมภาคต่อของ NIER Gestalt (หรือ NIER Replicant ในภาคภาษาญี่ปุ่น) ที่ออกจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 2010 แต่ถึงแม้ว่า คุณจะไม่เคยเล่นเกมในตระกูลนี้มาก่อนเลยก็ตาม คุณก็ยังสามารถที่จะสนุกไปกับเนื้อเรื่องของมันได้ หรือถ้าอยากจะเก็บรายละเอียดเนื้อเรื่องแบบลึกๆ ค่อยกลับมาเล่นทีหลัง ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสแต่อย่างใด
อันที่จริง ยังมีเกมอื่นๆอีก ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับเกม NieR : Automata แบบอ้อมๆ อยู่ นั่นคือเกม Drakengard ทั้ง 3 ภาค (หรือ Drag-on Dragoon ในภาคภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งจะเป็นสาเหตุของความโกลาหลทั้งหมดทั้งมวลในซีรี่ย์ NIER ในเวลาต่อมา ใครอยากจะเสพซีรี่ย์นี้แบบครบๆ ก็อย่าลืมตามกลับไปเล่นด้วยล่ะ
![](/wp-content/uploads/2017/03/002.jpg)
เนื้อเรื่อง และ การดำเนินเรื่อง (9.5/10)
NieR : Automata เป็นเรื่องในอนาคตอันไกลโพ้น ที่อารยธรรมบนโลกได้ล่มสลายไปหมดแล้ว เนื่องจากโลกได้ถูกยึดครองโดย Alien ที่มีอาวุธเป็นกองทัพเครื่องจักรที่เรียกกันว่า Machine กระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ส่วนมนุษย์นั้น กลับต้องอพยพออกไปอยู่ที่ดวงจันทร์ และได้จัดตั้งหน่วยงานชื่อว่า YoRHa ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่กอบกู้โลกคืนเป็นหลัก โดย YoRHa นั้นมีกองกำลังทั้งหมดเป็นหุ่น Android ที่มีความรู้สึกนึกคิด – อารมณ์ เป็นของตัวเอง
เนื้อเรื่องหลักๆโฟกัสไปที่ Android สาว ชื่อว่า 2B และ คู่หูชื่อว่า 9S ที่ถูกส่งมาเพื่อทำภารกิจกอบกู้โลก โดยคำสั่งต่างๆนั้น จะถูกส่งมาจากศูนย์บัญชาการที่ลอยอยู่ในอวกาศ ในช่วงแรกๆ เหตุการณ์ต่างๆก็ดำเนินไปตามปรกติ จนกระทั่งทั้งคู่ได้ไปพบกับ พฤติกรรมหลายๆอย่างที่ไม่ชอบมาพากลของ Machine หลังจากนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดก็เริ่มอยู่เหนือการควบคุม ภารกิจของทั้งคู่จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่การแค่กอบกู้โลกคืนเท่านั้น แต่ขยายออกไปถึงการสืบหาความจริงว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นบนโลกในนี้กันแน่ !
![](/wp-content/uploads/2017/03/003-1-1024x582.jpg)
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า plot มันก็ไม่ได้พิเศษไปกว่า เกมแนว sci-fi เกมอื่นๆ แต่ความแจ๋วของ NieR : Automata นั้นอยู่ที่บรรยากาศ และ วิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจมากๆ อย่างแรกเลยคือ ข้อมูลความเป็นไปของโลกทั้งหมดนั้น เราจะได้รับรู้ จากเพียงคำบอกเล่าของบุคคลากรในองค์กร YoRHa เท่านั้น ซึ่งมันจะชวนให้เราสงสัยตลอดทั้งเกมว่า สิ่งที่ YoRHa กำลังทำอยู่ มันถูกต้องจริงๆหรือเปล่า ? เพราะว่าสิ่งที่เราเห็นหลายๆอย่างในเกม มันขัดแย้งกับข้อมูลที่ได้มาตั้งแต่แรกอย่างชัดเจน ส่วนนี้เองที่กระตุ้นให้ผู้เล่นรู้สึกอยากจะร่วมค้นหาความจริงไปพร้อมๆกัน และยังมีส่วนช่วยเสริมบรรยากาศอันน่าอึดอัด หวาดระแวง เพิ่มขึ้นอีกด้วย
![](/wp-content/uploads/2017/03/005-1-1024x576.jpg)
ถึงภายนอกของเกม จะเป็นเรื่องแนว sci-fi โลกอนาคต แต่ความจริงแล้ว NieR : Automata กำลังพูดถึงเรื่องจิตใจของมนุษย์นี่แหละ ! ตัวเกมตั้งคำถามใหญ่ๆกับผู้เล่นบ่อยครั้ง เกี่ยวกับ ความหมาย และความสำคัญของการมีชีวิตอยู่ เช่น การที่ตัวละครที่เป็น Android นั้นจะสามารถ Upload ความทรงจำของเราลงไปใน Server ได้ทุกเมื่อ แปลว่าการตายของ Android ในเกมนั้น ไม่มีความหมายอะไรเลยหรือเปล่า ?
นอกจากนั้น เกมยังแดกดันสังคมมนุษย์ ผ่านพฤติกรรมเพี้ยนๆของ Machine ที่เกมจะบอกเรามาตลอดว่ามันไม่มีอารมณ์-ความรู้สึกหรอก รีบๆจัดการมันเถอะ แต่หลายครั้ง ที่คุณจะได้เห็นมัน หัวเราะ… มีความสุข… เหงา… ซึมเศร้า… ร้องไห้… ร้องขอชีวิต… ไปจนถึง ฆ่าตัวตาย… เรียกได้ว่ามันดูจะมีความเป็นมนุษย์มากกว่ามนุษย์ในเรื่องเองเสียอีก
![](/wp-content/uploads/2017/03/004_-1.jpg)
บรรยากาศโดยรวมในเกม เต็มไปด้วยความอึมครึม เศร้า สิ้นหวัง และ เหงา อย่างบอกไม่ถูก แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะได้เห็นมุขตลก(ร้าย) โผล่ออกมาให้เราได้ขำเจื่อนๆอยู่เป็นระยะๆ ทุกคำพูดคำจาที่ออกมาจากในเกม ถูกคิดมาด้วยความปราณีตสุดๆ ทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่น่าจะโดนใจแฟนๆ anime ของฝั่งญี่ปุ่นอยู่พอสมควร
![](/wp-content/uploads/2017/03/009-1-1024x576.jpg)
ทีเด็ดอีกอย่างของเกมนี้ก็คือ NieR : Automata มีฉากจบอยู่ถึง 26 แบบด้วยกัน !!! (ความจริงก็มีแค่ 5 แบบล่ะนะ ที่เหลือเป็นแนวขำๆมากกว่า) แต่ที่มันเจ๋งไปกว่านั้นก็คือ หลังจากที่คุณเล่นจบรอบแรกไปแล้ว การเล่นในรอบที่สอง มันจะไม่ใช่เกมเดิม !!! แต่มันจะเป็นการเล่าเหตุการณ์ในรอบแรก ผ่านสายตาตัวละครอื่นๆ ซึ่งแม้แต่วิธีการเล่นก็จะไม่เหมือนเดิม และถึงแม้จะเป็นการเล่นในรอบที่สองก็ตาม คุณก็จะไม่รู้สึกเบื่อเลย ตรงกันข้าม กลับจะยิ่งได้พบกับข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอยากจะเล่นให้ถึงรอบถัดไปไวๆ ตรงนี้เป็นการเล่าเรื่องที่แปลก แต่ก็น่าติดตามมากๆ ต้องขอยกเครดิตให้กับ ผู้กำกับขี้แกล้ง นาย Yoko Taro คนนี้ละกัน ที่ไม่บอกอะไรเรามาเลย แต่หลอกล่อให้เราเข้าไปเล่นเกมเดิมซ้ำไปซ้ำมาได้ (ซึ่งสนุกดีนะ)
![](/wp-content/uploads/2017/03/006-1.jpg)
ผู้เขียนแนะนำว่า ถ้าจะเล่นให้สนุก อย่าไปตั้งเป้าว่าจะต้องเก็บทุกฉากจบให้ได้ ให้หลีกเลี่ยงการสปอยล์เนื้อหา และเล่นไปตามสัญชาติญาณก็พอ แล้วคุณจะได้สัมผัสกับอรรถรสที่แท้จริงของเกมนี้ (ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนะ เล่นๆไปเดี๋ยวก็ได้ฉากจบหลักๆครบเอง)
ระบบการเล่น (8.5/10)
ตั้งแต่เกมนี้ออกมาโปรโมทในช่วงแรกๆ เราก็ทราบมาว่า เกมนี้ถูกพัฒนาโดย ทีม PlatinumGames ซึ่งเป็นทีมเดียวกับทีมที่พัฒนาเกม Bayonetta นำมาสู่ความคาดหวังว่ามันอาจจะเป็นเกมสไตล์บู๊ล้างผลาญ แต่ไม่เลย Nier : Automata ถูกออกแบบมาให้ใช้ skill ในการเล่นพอสมควร อาจจะไม่ได้ยากถึงขั้นเกมตระกูล Souls ทั้งหลาย แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่กดมั่วๆแล้วจะรอด เพราะศัตรูจะรุมทึ้งเข้ามาทุกทิศทุกทาง ชนิดที่คุณตั้งตัวแทบไม่ทัน
![](/wp-content/uploads/2017/03/008-1-1024x576.jpg)
ภาพรวมของเกมยังคงเป็นแนว action/RPG มุมมองแบบบุคคลที่ 3 ในโลกแบบ Open world ที่ดูแล้วเหมือนจะกว้างใหญ่ไพศาล แต่จริงๆแล้วเล่นไปสักพักคุณก็จะสามารถวิ่งไปไหนมาไหนแบบไม่ต้องดูแผนที่ได้เลย สำหรับคนที่ขี้เกียจวิ่ง เกมก็มีจุดวาร์ปเตรียมไว้ให้ (หน้าตาเหมือนตู้ขายเครื่องดื่มกระป๋อง) แต่ส่วนตัว จะชอบวิ่งมากกว่านะ อยากใช้เวลากับ 2B นานๆ (อิๆ)
![](/wp-content/uploads/2017/03/013-1.jpg)
ระบบการต่อสู้นั้น หลักๆจะเลือกถืออาวุธได้ทีละ 2 อัน จากหลายๆชนิด คุณสมบัติของอาวุธแต่ละชนิด ก็จะแตกต่างกันไป แถมยังมีตัวช่วย เป็นหุ่นยนต์ที่ยิงอาวุธจากระยะไกลได้ เรียกว่า POD อีกด้วย ซึ่งทั้งอาวุธ และ POD ก็สามารถเก็บเงิน และ ไอเทม มาอัพเกรดได้เรื่อยๆ
![](/wp-content/uploads/2017/03/020-1024x576.jpg)
![](/wp-content/uploads/2017/03/016-1024x576.jpg)
ในบางสถานการณ์ ตัวเกมจะตัดสลับไปเป็นเกมแนว 2D shooting และ ลุยด่าน 2.5D แทนซะอย่างงั้น เราไม่คิดว่า มันเป็นเพียงแค่ mini-game นะ เพราะมันเกิดขึ้นบ่อย และนานมากๆ และในบางฉากมันก็บังคับเรา ให้เล่นให้ผ่านด้วย ส่วนนี้ก็อาจจะนับว่าเป็นข้อดี ในแง่ความหลากหลาย แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบก็อาจจะมึนๆ และ เสียอารมณ์ได้ โดยเฉพาะส่วน 2D shooting ที่ห่ากระสุน กระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง
![](/wp-content/uploads/2017/03/011-1-1024x576.jpg)
นอกจากอัพเกรดอาวุธได้แล้ว เรายังสามารถซื้อ Chip มาอัพเกรดความสามารถด้านต่างๆของเราให้สูงขึ้นได้ด้วย ซึ่งก็ซับซ้อนพอสมควรนะ แต่ก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมาก ถ้าจะเล่นเนื้อเรื่องอย่างเดียว เลือกแบบ automatic ไปเลยก็ได้ (แต่ควรหมั่นเข้ามาอัพเรื่อยๆ ถ้าเก็บ Chip ใหม่ๆได้)
![](/wp-content/uploads/2017/03/017.jpg)
ส่วนระบบ save ของเกมนี้ จะไม่มีระบบ auto save เราจำเป็นต้องสังเกตุเอาเอง ว่าจุดไหนสามารถ save ได้ (จะมีสัญลักษณ์ขึ้นบนจอบอกเอาไว้) ส่วนใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆกับตู้วาร์ปนั่นแหละ ลืมเซฟทีเดียวก็เริ่มใหม่เลยนาจา
นอกจากนี้ ตัวเกมยังมีระบบที่ ถ้าเราตาย ศพของเราจะถูกทิ้งไว้ที่นั่น จนกว่าจะเล่นครั้งต่อไป โดยที่เราจะสามารถเข้าไปเก็บกู้ศพ เพื่อเอาไอเท็มต่างๆกลับคืนมาได้ด้วย หรือจะซ่อมให้กลับมาเป็นตัวช่วยเราก็ได้ และแน่นอน ถ้าคุณตายซ้ำสอง ในระหว่างไปเก็บกู้ ไอเทมทั้งหมดก็จะมลายหายไปสิ้น ทั้งนี้ ถ้าคุณเปิดระบบออนไลน์ คุณก็จะสามารถเก็บกู้ศพคนอื่นๆที่เล่นเกมนี้อยู่พร้อมๆกับเราได้ด้วย
![](/wp-content/uploads/2017/03/019-1024x576.jpg)
ที่ชอบอีกอย่างก็คือ ระบบ sub-quest ที่ออกแบบมาได้สนุกมาก เนื้อเรื่องในทุกๆ sub-quest จะโยงเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักอยู่เสมอ ทำให้การเก็บ sub-quest ของเกมนี้ ดูมีความหมายขึ้นมา มากกว่าทำไป เพื่อเก็บไอเทม หรือ exp ซึ่งเนื้อเรื่องของมัน ก็มักจะดาร์ค และเศร้าเสมอ แต่ก็น่าติดตามมากๆ
กราฟฟิค และ การออกแบบ (7/10)
ส่วนนี้อาจจะมองได้ว่าเป็นส่วนที่ด้อยที่สุดของเกมนี้ กราฟฟิกออกมาดูแข็งๆ แห้งๆ ยังไงก็ไม่รู้ ถึงจะบอกว่าเนื้อเรื่องมันเป็นโลกอนาคตที่แห้งแล้งอยู่แล้วก็เถอะ แต่มันก็ถูกทดแทนได้ด้วยการออกแบบบรรยากาศ มุมมอง และ คาแร็คเตอร์ที่สวยงาม ที่ผสมกับความหลอน และน่ากลัวเข้าไปด้วย ซึ่งช่วยส่งเสริมบรรยากาศของเกมได้เป็นอย่างดี
กราฟฟิคในขณะต่อสู้กันทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย จังหวะที่กองทัพ Machine วิ่งเข้ามาพร้อมๆกันหลายๆตัว หรือแม้แต่ตอนงัดกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ ก็ยังลื่นไหลไม่มีสะดุด สามารถต่อคอมโบได้อย่างไม่เสียอารมณ์
![](/wp-content/uploads/2017/03/018-1024x576.jpg)
สำหรับแฟนๆ anime ฝั่งญี่ปุ่น ก็คงที่จะทำใจไม่ให้หลงรักไปกับคาแร็คเตอร์ 2B และ 9S ได้ยากอยู่นะ เพราะสองคนนี้เค้าหยอดกันไป หยอดกันมาตลอด รู้ตัวอีกทีก็คอยแอบลุ้นให้สปาร์คกันเสียแล้ว (แหมคนนึงก็ซึนฯที่สุด อีกคนนึงก็อ้อล้อไม่ยอมหยุด) แต่สำหรับคนที่ไม่ถนัดแนว anime อาจจะเกลียดไปเลยก็ได้ เพราะมันมีความหลอนประหลาดๆโผล่มาให้เห็นอยู่ตลอดทั้งเกม
ขอตินิดนึงเกี่ยวกับระบบกราฟฟิกต่างๆ ที่ดูแล้วค่อนข้างยาก โดยเฉพาะแผนที่ เข้าใจอยู่นะว่าตั้งใจจะทำออกมาให้ดูเหมือนคอมพิวเตอร์ แต่มันก็ใช้งานยากจริงๆนั่นแหละ
![](/wp-content/uploads/2017/03/001-1-1024x576.jpg)
![](/wp-content/uploads/2017/03/021-1024x576.png)
![](/wp-content/uploads/2017/03/021-1024x576.jpg)
![](/wp-content/uploads/2017/03/023-1024x576.jpg)
![](/wp-content/uploads/2017/03/022-1024x576.jpg)
![Nier](/wp-content/uploads/2017/03/024-1024x576.jpg)
![](/wp-content/uploads/2017/03/NieR-Automata_201606_ART_Enemy-Head_ONLINE-1024x724.jpg)
![](/wp-content/uploads/2017/03/NieR-Automata_201606_ART_Boss_ONLINE-1024x724.jpg)
ดนตรีประกอบ (10/10)
สำหรับผู้เขียน ส่วนที่ดีที่สุดของเกมนี้ ยกให้ดนตรีประกอบที่ทำหน้าที่ของมันได้ดีที่สุด เท่าที่ดนตรีประกอบเกมจะสามารถทำได้ เช่นเดียวกับ NIER Gestalt ที่ถ้าลองฟังเพลงประกอบดู เราจะไม่ทราบเลยว่าเพลงมันร้องว่าอะไร นั่นก็เพราะผู้ออกแบบต้องการที่จะทำดนตรีให้เป็นภาษาสมมติที่เกิดขึ้นในยุคที่อารยธรรมล่มสลายไปแล้ว ต้องขอขอบคุณ คุณ Keiichi Okabe และ Keigo Hoashi ผู้ออกแบบและเรียบเรียงดนตรีประกอบ ที่มอบความสุขให้กับผู้เล่นผ่านเสียงดนตรีแสนไพเราะของเกมนี้
สรุป (9/10)
ถึงแม้ในด้านระบบการเล่นจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากนัก (ยกเว้นการเปลี่ยนไปเล่นแบบ 2.5D ได้ ซึ่งก็ยังดูไม่ค่อยลงตัวในบางที) และ คุณภาพของภาพอาจจะค่อนไปทางแย่ ถ้าเทียบกับเกมที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
แต่ด้วยคาแร็คเตอร์ดีไซน์ที่เท่ สวยงาม แต่ก็ดูจิตๆไปพร้อมๆกัน… บรรยากาศสุดเศร้า เหงาหงอย น่าอึดอัด แต่ก็งดงาม… เพลงประกอบอันยอดเยี่ยม… เนื้อเรื่องที่ลุ่มลึก กัดกินหัวใจไปนานแสนนาน แม้กระทั่งเล่นจบไปแล้ว… ทั้งหมดนี้คือส่วนที่ดีมากๆของ NieR : Automata ที่ทำให้เรามองข้ามข้อเสียต่างๆลงไปได้ ยิ่งถ้าคุณมีพื้นฐานในการดู Anime ติสแตก ของทางฝั่งญี่ปุ่นอยู่แล้ว (ประมาณ Evangelion น่ะ) คุณคงจะหลงรักเกมนี้ได้ไม่ยากนัก (แนะนำให้รีบเคลียร์รอบแรกให้จบ ไม่น่าเกิน 15 ชม. เพราะความสนุกจะรอคุณอยู่ที่การเล่นรอบที่สองขึ้นไป !!!)
…แต่ถ้าคุณคิดที่จะหาเกมแนวคลายเครียด เล่นเพื่อความมันส์ สะใจล้วนๆ แบบ Bayonetta เกมอาจจะไม่ใช่เกมที่เหมาะสมกับคุณสักเท่าไหร่นัก…