[Review] Gran Turismo Sport – เกมแข่งรถเพื่อเกมเมอร์สายสปอร์ตตัวจริง!!

ถ้าพูดถึง “เกมขับรถ” แล้ว ในตลาดเกม ณ ปัจจุบันก็มีเกมหลากหลายรูปแบบให้เราเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเครื่องเกมรุ่นเก๋ากึ้ก ซึ่งหลายๆซีรี่ส์ก็ฝากชื่อเสียงและภาคต่อออกมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นแนวที่ดูเป็น Arcade หน่อยอย่าง Burnout, Mario Kart, Twisted Metal และ Need for Speed ซึ่งเกมนี้ก็มีตำนานที่ยาวนานเป็นสิบปีเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นแนวเกมที่ชื่นชอบสำหรับเหล่าเกมเมอร์กันมาช้านาน

แต่ว่าสำหรับผู้ชื่นชอบการแข่งรถของจริงชนิดนั่งดูการแข่งพวก F1, 24H Lemans หรือเกมเมอร์ที่เล่นรถจริงๆ แล้วคงมีไม่น้อยซึ่งต้องการสิ่งที่เรียกว่า “Racing / Driving Simulation” หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า “เกมชับรถเสมือนจริง” ซึ่งซีรี่ส์ Gran Turismo นั้นก็เป็นหนึ่งในเกมที่ยังคงคอนเซปท์นี้มาตั้งแต่สมัย PS1 (1997) โน่นเลยทีเดียว และในปี 2017 นี้ซีรี่ส์แข่งรถเสมือนจริงเกมนี้ก็กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในภาคใหม่ชื่อว่า “GT Sport” (Gran Turismo Sport)

สิ่งที่เปลี่ยนไปในภาค GT Sport

ผมอยากให้เพื่อนๆ นึกง่ายๆเอาจากชื่อนี้ก่อนเลยว่า ทำไมมีภาค Gran Turismo 6 แล้วไม่มี Gran Turismo 7 มาก่อน แต่มาตั้งชื่อเป็นเป็น GT Sport เลยซะงั้น เหตุผลคือเกมภาคนี้เน้นเรื่อง “การแข่งขันรถ” ซะเป็นส่วนใหญ่ และเน้นไปที่ “ระบบออนไลน์” เป็นสำคัญด้วย ดังนั้นสิ่งที่เปลี่ยนไปในภาคนี้คือ “จำนวนรถในเกมจะน้อยลงมาก” ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะสมัยก่อนนั้นเกมนี้จะเสมือนเป็น “โลกแห่งยนตรกรรม” คือจะเป็นเกมที่มีรถให้เลือกเล่นเยอะที่สุดแล้วก็ว่าได้ ไม่ว่าจะรถ 4 ประตู, รถ Coupe, รถแข่ง GT และรถ F1 ก็มีให้ได้ลองใช้หมด แต่ไม่รู้ว่าด้วยเพราะเหตุใดก็ตามภาคนี้นั้นจะเน้นไปที่รถแข่งซะมากกว่า รถธรรมดาก็จะเน้นไปที่รถสปอร์ตและรถตัวท็อปๆของแต่ละค่าย ซึ่งบางทีผมก็อยากให้เอารถ Supra ตัวเก่ามาขับเล่นในกราฟฟิคบนเครื่องเจเนเรชั่นใหม่ที่ภาพสวยคมเป๊ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อดไปตามระเบียบ

อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องคิดเอาไว้กันให้ดีเลยคือ “เกมนี้แทบจะต้องออนไลน์ตลอดเวลา” ขนาดแต่งภายนอกรถยังต้องอัพโหลดลงเข้าเซิฟเวอร์กันเลย ใครที่เป็นขาออฟไลน์คงจะเซ็งกันพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็มีโหมดเกมอื่นๆ เอามาให้เล่นแก้เซ็งกันได้พักใหญ่อยู่เหมือนกัน

สิ่งสุดท้ายที่หายไปก็คือ “ไม่มีการแต่งชิ้นส่วนรถ” อีกต่อไปแล้ว มีแค่ของบางอย่างเช่นล้อแม็กที่แต่งได้ แต่เราไม่สามารถติดชุดสปอยเลอร์ กระโปรงรถ หรือติดเทอร์โบอะไรต่างๆก็ทำได้เองหมือนสมัยก่อน แต่ก็ยังดีให้ Tune Setting ที่ปรับปลดล็อคแรงม้าความแรงและน้ำหนักรถได้ คือพูดง่ายๆเราเพิ่มสมรรถนะรถได้ (แต่เลือกชิ้นส่วนเองไม่ได้ อารมณ์มันหายอ่ะ) แต่เรื่องความสวยงามต้องเอาแบบเดิมๆไปก่อน แต่ก็ยังดีแต่งสีแต่งลายเองได้ซึ่งทำมาออกได้ดีเลยทีเดียว (มีคนเอาไปทำเป็นลายรถแท็กซี่ยังได้เลย)

เกมเพลย์ (8/10)

ในส่วนของการเล่นนั้นด้วยความที่เป็น Racing Simulation เพื่อนๆที่เคยเล่นเกมนี้มาแล้วคงรู้ว่า “นี่ไม่ใช่ Need for Speed” ที่จะสาดโค้งปาดดริฟท์แบบนั้นแล้วเข้าที่ 1 กันได้ง่ายๆ เพราะการขับแบบในหนังนั้นใช้กับเกมนี้ไม่ได้แน่นอน แต่คนที่มาอ่านรีวิวนี้ถ้าเคยเล่นเกมนี้มาบ้างก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่าเกมขับรถไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายนัก

โหมดต่างๆของเกมก็ยังมีอยู่ครบถ้วน และสนามแข่งก็มีมากมายให้เลือกเล่นเช่นกัน โดยมาในคราวนี้แทนที่เราจะต้องมาสอบใบขับขี่เพื่อไปแข่งสนามต่อๆไป คราวนี้มันมาในรูปแบบของ “เลเวล” หรือ “ยศ” เพื่อปลดล็อคสนามต่อๆไป ซึ่งเลเวลนี้จะเพิ่มขึ้นได้ตลอดไม่ว่าเราจะเล่นโหมดไหนก็ตาม

สำหรับโหมด Arcade นั้นการแข่งก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ ทางขรุขระ ขึ้นเขาลงเขา เหมือนกับสนามในภาคเก่าๆอยู่เหมือนเดิม ก็อย่างว่าล่ะนะครับ…ก็เขาเอามาจากสนามจริงๆ ก็เลยไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมมากเท่าไร โดยถ้าเราเล่นโหมดนี้เราก็จะได้เงินเอาไว้ซื้อรถ และ Point ที่เอาไว้ซื้อของใน Online Market อีกด้วย โดยที่ความยากระดับสูงสุดก็จัดว่าท้าทายใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถอย่างเราๆ

นอกจากนี้ใครที่กังวลว่าจะเล่นเกมนี้ได้ไม่สนุก จะมาฝึกซิ่งกันก่อนใน “โหมด Circuit Experience” และ “Driving Test” ก็ได้ ซึ่งเป็นโหมดที่ให้เรามาฝึกความคุ้นเคยกับสนามและการควบคุม แม้จะเป้นโหมดฝึกหัด แต่เราจะยังได้เงินและ Point ตามปกติ โดยรวมก็เล่นสนุกดี สามารถรีไทร์เล่นใหม่ได้ตลอด รอโหลดก็ไม่นาน เล่นแล้วก็เพลินดีเลยทีเดียว

และแน่นอน “โหมด Photo” ถ่ายรูปยังคงอยู่จ้า แต่คราวนี้ฉากหลังมีมากมายให้เลือกกันตาแฉะ บางอันถ่ายออกมายังกะรถจริงๆแลยแน่ะ เรียกว่า GT Sport ยังทำโหมดถ่ายรูปออกมาได้ดีเหมือนเดิม ปรับแต่แสงสีและฟิลเตอร์ต่างๆกันได้ยังกะ Instagram อีกต่างหาก

พูดถึงเรื่องตัวช่วยในการขับขี่ของเกมนั้นก็มีอยู่มากมายเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรับแต่งยังไงบ้าง ไม่ว่าจะเป็นไลน์บอกระยะเบรกหรือเกียร์ที่ต้องใช้ แต่ถ้าใครเก๋าพอ…จะปิดฟังก์ชั่นนี้ไปเลยเพื่อเพิ่มความสมจริงก็ย่อมได้ ส่วนตัวปรับแต่งรถก็มีทั้ง On the Fly พวก Traction Control, Breaking Balance รวมไปถึงตัวปรับแต่งการสดเชื้อเพลิงก็มีมาให้เล่นหมด เรียกว่าเพื่อนๆหลายคนคงหายสงสัยเลยว่าทำไม “พวงมาลัยรถแข่ง” มันมีปุ่มอะไรยุบยับไปหมด!?

แต่อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้วอารมณ์ที่หายไป คืออารมณ์แบบที่เราได้ไปสนามแข่งระดับอาชีพ และลงแข่งการแข่งขันที่ใหญ่ขึ้นได้แชมป์มาครองอะไรแบบนั้น อารมณ์ที่เหมือนเราไปใช้ชีวิตเป็นนักแข่งจริงๆจะหายไป (ถ้าไม่ออนไลน์) แต่ก็อย่างที่บอกไปแต่แรกเกมนี้ต้องออนไลน์ครับถึงจะมัน

การเล่นระบบออนไลน์ (8.5/10)

“การแข่งในโหมดออนไลน์” มีการแข่งเป็นช่วงเวลาที่เราต้องคอยดูว่าเปิดให้เข้ากี่โมง (มีเป็นหลักนาทีอีกต่างหาก) แถมในการแข่งใหญ่ที่จะมีคนจริงๆมาบรรยายการแข่งให้ฟังกันด้วยนะเอ้อ!! (นัดล่วงหน้ากันเป็นวันก็มี ยังไม่ได้ลองนะครับ เล่นได้สองวันเองรอบแข่งมันก็ยังมาไม่ถึง) โดยถ้าการแข่งจริงยังมาไม่ถึงเราสามารถไปทำ Time Trial ซ้อมมือไว้ก่อนก็ได้

ด้านเซิฟเวอร์หลังจากที่ได้ลองเล่นไปแล้ว พวกอาการรถวาร์ปเองได้อะไรแบบนี้ไม่ค่อยเห็น แม้จะเล่นแข่งกับพวกคนฮ่องกงหรือญี่ปุ่นก็ตาม (ฮ่องกงคนเล่นเยอะอยู่ แถมสัญญาณดีด้วย) โดยรวมก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าถ้ามีคนเล่นเยอะๆ แล้วจะออกมาเป็นยังไงเหมือนกัน แต่ ณ ตอนนี้เรื่องเซิฟเวอร์ของ GT Sport ถือว่าสอบผ่านนะ

การควบคุมเกม

คำถามที่ต้องมีแน่นอนคือ “ผมต้องมีจอยแบบพวงมาลัยไหม?” คำตอบคือ “ไม่จำเป็น” ครับ ผมเองก็ใช้จอย  ธรรมดาเนี่ยแหละสอบใบขับขี่ได้ระดับ Gold หมดมาแล้ว ซึ่ง “ทักษะการขับ” นั้นสำคัญกว่า แถมเราไปปรับเองได้ด้วยว่าจะให้แต่ละปุ่มไวมากน้อยแค่ไหน แต่แน่นอนว่าถ้าจะเข้าโค้งให้เนียนๆก็ต้องลงทุนหน่อยซึ่งเกมก็ทำรองรับออกมาได้ดี ยิ่งถ้าเป็น Thrustmaster ละก็ทำออกมาไว้รองรับหลายรุ่นกันเลยแหละ ที่สำคัญ “เกมนี้สามารถเล่นบน VR ได้ด้วย” อารมณ์นั่งในรถมาเต็มแน่นอนจ้า!!

สำหรับการควบคุมและขับขี่ด้วย VR นั้นก็เหมือนจริงอย่างแน่นอนครับ อารมณ์เกมไม่ได้ลดทอนหายไปเลยแม้แต่น้อย ฟิลลิ่งเกมยังคงมันสะใจเหมือนเดิม จะให้สรุปว่าการควบคุมเกมของ GT Sport เป็นยังไงก็คือ…มันก็ “เหมือนขับรถจริงๆอ่ะ” ครับ คือไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเหมือนกันน่ะนะ T-T

เสียง (9/10)

มาในส่วนที่ค่อนข้างจับต้องได้ยากกันบ้าง บางคนบอกเสียงรถห่วย บางคนบอกเสียงเหมือนจริง แต่ส่วนตัวแล้วขอบอกว่าเหมือนจริงมากครับ คือเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับลำโพงที่คุณใช้ด้วย ถ้าคุณใช้ลำโพงมากับทีวีแล้วบอกว่าเสียงเครื่อง V ไม่กระหึ่มเลยก็คงไม่แปลกหรอกครับ เสียงยาง เสียงภายในห้องเครื่อง เสียงสภาวะแวดล้อมในสนาม ทำออกมาได้ดีมาก ผมนี่ฟังแล้วอินหนักมากบอกเลย!!

กราฟฟิค (8.5/10)

เกมนะจ๊ะไม่ใช่รูปจริงๆ

เกมนี้เป็นเกมที่ดึงพลังของเครื่อง Playstation ออกมาได้ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ภาคนี้นั้นให้ภาพที่เหมือนจริงโดยเฉพาะภาพในโหมดข้างนอกเมนูหรือโหมดถ่ายรูปนี้ “โค-ตะ-ระ” เหมือนรถจริงเลยจ้า!! แสงเงานี่ทำออกมาได้ดีมาก กราฟฟิคตัวรถทำออกมาได้ดีสุดๆเหมือนไปเดินอยู่โชว์รูมรถเลย เหมือนจริงมากๆ แต่บางอย่างก็ยังทำได้ไม่ค่อยดี เช่นเงาสะท้อนของตัวรถบางทีก็มันเงาเว่อร์ไปจนดูออกว่าไม่ใช่รถจริงๆ แต่ก็นั่นแหละครับ แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน

ท้ายที่สุดนี้ก็อย่างที่บอกล่ะครับว่า GT Sport นี้เป็นเกม Racing Simulation ซึ่งต้องพูดตรงๆว่า “นี่ไม่ใช่เกมสำหรับทุกคน” แต่ก็เป็นเกมแนวนี้ที่มีไม่กี่เกมที่ทำได้ดีถึงขนาดนี้ ถ้าใครอยากรู้ว่าขับรถแข่งจริงๆมันเป็นยังไง!? หรือเปลี่ยนเกียร์ชะลอความเร็วมันต้องทำยังไง!? เกมนี้เนี่ยแหละคำตอบของคุณ และถ้าใครมีเงินซื้อพวงมาลัยทำ Cockpit ด้วยแล้วล่ะก็บอกเลยครับว่าได้อารมณ์สุดๆ!!

ถ้าถามว่าจะแนะนำ GT Sport ให้เล่นกันดีมั้ย!? ผมก็ต้องบอกว่า “แนะนำ” แน่นอน เพราะเกมแนวนี้ไม่ได้มีมาให้เล่นกันบ่อยๆ แถมเกมยังมันส์มากอีกด้วย (อันนี้อวยส่วนตัวล่ะ 555+)

 

Facebook Comments

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here