“เกม” เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่คนไทยเลือกเสพอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นเกม ละคร ภาพยนตร์ เพลง และอื่นๆอีกมากมายล้วนเป็นที่ถูกจับจ้องถึงความเหมาะสมในการเผยแพร่สู่สาธารณชน แม้ว่าเกมจะไม่ใช่สื่อที่ถูกนำเสนอข่าวสารสู่สังคมไทยบ่อยครั้ง แต่ก็มีเกมที่มีอิทธิพลมากจนสังคมไทยเกิดความวุ่นวายถึง 4 เกมเลยทีเดียว มาดูกันว่ามีเกมอะไรบ้าง
1. Ragnarok Online
Ragnarok ถือเป็นเกมออนไลน์ MMORPG จากประเทศเกาหลีเกมแรกๆที่เข้ามาบุกตลาดเมืองไทยตั้งแต่ กันยายน 2545 – มิถุนายน 2559 โดย บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เกมนี้เป็นเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามไปทั่วโลกอย่างแท้จริง กลายเป็นหนึ่งในตำนานเกมของโลกที่ยากจะหาใครมาโค่นล้มได้ โดยปัจจุบัน บริษัท อิเล็คทรอนิกส์ เอ๊กซ์ตรีม จำกัด ได้รับลิขสิทธิ์ในการสานต่อเกมในตำนานเกมนี้มาจนถึงปัจจุบัน
หากพูดถึงเมื่อ 10 กว่าปีก่อนนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Ragnarok เป็นเกมหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เด็กและวัยรุ่นสมัยนั้นส่วนใหญ่เคยสัมผัสกับเกมนี้มาแล้วทั้งนั้น ช่วงนั้นเป็นยุคที่อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ยังไม่มีให้เห็นมากนัก แต่ถึงยังไง Ragnarok ก็เป็นชีวิตส่วนหนึ่งของเด็กไทย เด็กไทยจึงถาโถมใช้บริการร้านเกมกันอย่างล้นหลาม และน้อยคนนักที่จะมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวไว้เล่นที่บ้าน ทำให้ธุรกิจอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ในยุคนั้นเฟื่องฟูขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งที่ประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตในตอนนั้นเทียบชั้นกับตอนนี้ไม่ได้เลย แสดงให้เห็นว่า Ragnarok เป็นเกมที่มีอิทธิพลกับเด็กไทยในตอนนั้นจริงๆ
แน่นอนว่าเกมที่ฮิตถึงขั้นมืดฟ้ามัวดินแบบนี้ ปัญหาต่างๆก็ตามมาเป็นขบวนด้วย ทั้งการติดเกม การลักขโมยเพื่อเติมเงินหรือซื้อขายไอเทม รวมไปถึงการละเมิดลิขสิทธิ์จนเกิด “แรคเถื่อน” เต็มบ้านเต็มเมือง ทำให้ Ragnarok กลายเป็นจุดกำเนิดของปัญหาเกมในบ้านเราด้วยไปโดยปริยาย แม้จะเริ่มมีเกมออนไลน์อื่นๆตามเข้ามามากขึ้น แต่เกมนี้ก็ยังได้รับความนิยมสูงและสร้างปัญหาให้เยาวชนไทยอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตามคอเกมก็ยังยกให้ Ragnarok เป็นหนึ่งเกมในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน
2. Counter Strike
เป็นตำนานเกมที่คู่มากับ Ragnarok เลยก็ว่าได้สำหรับ Counter Strike เกม FPS ยอดฮิตโดย Valve Corporation สรรพคุณคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากเพราะสมัยก่อนเป็นเกมที่ฮิตเหลือเกิน จะเรียกว่าเป็นต้นแบบของเกม FPS ทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ส่วนในเมืองไทยนั้นสองเกมนี้เป็นเกมที่มาควบคู่กับ Ragnarok เลย สมัยนั้นใครไม่ชอบเกมใหม่กว่าอย่าง Ragnarok ก็ต้องเล่น Counter Strike กันเหมือนเดิมนี่แหละ (บางครั้งก็มี Half-Life ด้วย)
อย่างไรก็ตาม Counter Strike ก็เป็นเกมหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อเด็กไทยที่สุดคู่มากับ Ragnarok ในยุคนั้น สังเกตได้ว่าที่สังคมไทยมองเกมเป็นสิ่งบ่มเพาะความรุนแรงนั้นมักจะเป็นเกม FPS ประเภทเดียวกับ Counter Strike ซะส่วนใหญ่ เช่น Point Blank และ Special Force ด้วยคาแรคเตอร์ที่สวมบทบาทเป็น “ผู้ใช้อาวุธสงครามต่างๆ” นี้เองที่ผู้ปกครองมองว่าไม่เหมาะสมกับเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าย่อมถูกจับตามองจากสังคมไทยถึงความรุนแรงของอาวุธสงครามเหล่านี้ที่อาจปลูกฝังเข้าไปในเยาวชน (ถึงแม้จะเป็นตำรวจจับผู้ร้าย) จนออกไปสวมบทบาทเล่นเกม FPS ในโลกความเป็นจริง เช่น คดีวัยรุ่นไล่ยิงคนกลางตลาดไท จ.ปทุมธานี ซึ่งสันนิษฐานว่าคนร้ายได้ไล่ยิงผู้คนด้วยท่าทีที่เหมือนกำลังเล่นเกมอยู่ (ดูข่าว ที่นี่ ) นี่ยังยังไม่รวมไปถึงปัญหาพื้นฐานอย่างการติดเกมจนเสียการเรียน หรือการเสียเงินเสียทองเพื่อเติมเงินเกม เป็นต้น
ถึง Counter Strike จะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่เกม FPS แบบสมจริงนี้ก็ยังไม่คลายนิยมลงแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าเกม FPS นั้นเป็นที่ชื่นชอบของลูกเล็กเด็กแดงจนกระทั่งผู้ใหญ่วัยกลางคนไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ส่วนปัจจุบัน Counter Strike ก็ยังคงแสดงความเป็นเจ้าแห่งเกม FPS ในชื่อว่า Counter Strike : Global Offensive (CS:GO) และกลายเป็นเกมหนึ่งในวงการ eSports เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
3. Grand Theft Auto (GTA)
ถ้าพูดถึงเกมที่กระทบกับสังคมไทยจริงๆ คงเดากันได้ไม่ยากเลยว่า GTA ต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน เกมนี้เป็นเกมที่ให้เรารับบทอาชญากรแล้วออกสำรวจในโลก Open World ได่อย่างอิสระ คุณจะไปกินลมชมวิวหรือจะไปเดินป่า ระเบิดภูเขา เผากระท่อมยังไงก็ได้ตามใจ (มุขนี้ดักแก่มาก) หรือจะเคลียร์ภารกิจตามเนื้อเรื่องไปเลยก็สุดแล้วแต่คุณจะชอบ
ส่วนประเด็นที่เป็นปัญหาจริงๆไม่ได้อยู่ที่การสวมบทบาทเป็นอาชญากร แต่เป็น “การทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน” มากกว่า ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำอะไรก็ได้ใน GTA ส่วนใหญ่เป็นอะไรที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางทั้งนั้น เริ่มตั้งแต่ทะเลาะวิวาท ฆาตกรรม ชิงทรัพย์ ทำลายทรัพย์สิน และอีกสารพัดอย่างที่ในชีวิตจริงทำแล้วยังไงก็ติดคุกนอนกินข้าวแดงแน่นอน บวกกับความดังของเกมนี้จึงไม่แปลกใจที่สังคมทั่วโลกจะถูกจับจ้องและบางประเทศเองก็แบนเกมนี้อย่างจริงจัง
แม้จะบอกว่าเป็นการระบายความเครียดในเกม แต่เยาวชนไทยจำนวนหนึ่งก็แยกแยะโลกเสมือนกับโลกแห่งความจริงไม่ค่อยจะออก ดันไปทำพฤติกรรมเลียนแบบเกมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (หรือเปล่า!?) จนเกิดเหตุสลดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง อย่างเหตุล่าสุดเมื่อ กุมภาพันธ์ 2559 ก็มี “คดีวัยรุ่นเลียนแบบ GTA” ไปปล้นทรัพย์และทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สวนสาธารณะหนองสิม จ.อุดรธานี (ดูข่าว ที่นี่ ) ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ถ้าบ้านเราเกิดเหตุพฤติกรรมเลียนแบบความรุนแรงแบบนี้บ่อยๆ สังคมก็คงวางใจเกมรุนแรงชื่อดังอย่าง GTA ไม่ได้แน่นอน
จากกรณี วัยรุ่นปล้นและทำร้ายนักท่องเที่ยว จ.อุดรธานี ผู้ประกาศข่าวจากโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้นำเสนอข้อมูลของเกม GTA ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง พร้อมแสดงอคติส่วนตัวในการรายงานข่าวด้วย เหล่าเกมเมอร์ก็ออกมาโต้แย้งว่าเป็นนี่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลเท่านั้น หากมีวุฒิภาวะมากพอก็สามารถแยกแยะได้ หรือถ้ามีผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำเยาวชนก็จะรู้ว่าพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมืองเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดและไม่ควรลอกเลียนแบบโดยเด็ดขาด เรื่องนี้จึงสะท้อนให้สังคมไทยเห็นว่า “แม้เกมจะรุนแรงแค่ไหน แต่เกมก็มีข้อดีต่อเยาวชนอีกมากมาย” (ดูข่าว ที่นี่ )
พูดกันตามตรงแล้ว GTA น่าจะเป็นเกมที่คุ้นชื่ออยู่บ้างสำหรับคนไทยในฐานะ “เกมที่เป็นอันตรายต่อสังคม” แต่สำหรับเกมเมอร์แล้วไม่ว่าจะเกมรุนแรงมากแค่ไหน แต่ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เมื่อมีแย่ก็ต้องมีดี เพราะแท้จริงแล้วเกมให้อะไรมากกว่าความรุนแรงและความสะใจ
4. Pokemon GO
จะให้พูดถึงเกมล่าสุดที่มีอิทธิพลกับโลกทั้งใบจริงๆก็คงหนีไม่พ้น Pokemon GO เกมมือถือจากค่าย Niantic ที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับโลกอย่างร้อนแรงสุดขีดเมื่อ กรกฎาคม 2559 (ผ่านมาเกือบปีแล้วเหรอ เร็วมาก 555+) ด้วยระบบเกมที่อาศัย GPS ตามพิกัดโลกจริงๆเพื่อออกตามหาโปเกมอนที่ซ่อนตัวอยู่ ทำให้ผู้เล่นต้องออกเดินทางเพื่อสวมบทบาท “โปเกมอนเทรนเนอร์” จับโปเกมอนเข้ามอนสเตอร์บอล และฝึกฝนโปเกมอนเพื่อแบตเทิลกับเทรนเนอร์คนอื่น
ในภาพรวมแล้วเกม Pokemon GO สร้างออกมาได้น่าสนใจ เพราะเกมสามารถเติมเต็มความรู้สึกของการ์ตูนเรื่องนี้ได้สมจริงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถึงครั้งนี้เราจะไม่ได้อยู่ในโลกของโปเกมอน แต่เกมนี้ก็เปลี่ยนมุมมองโดยพาโปเกมอนเข้ามาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้บ้างแล้ว ซึ่งต้องขอชื่นชอบตรงนี้เลยว่าฉลาดมากๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทาง Niantic เฉลียวใจบ้างหรือไม่ว่าเพราะการใช้ GPS ออกมาจับโปเกมอนนอกบ้านนี่แหละที่ทำให้ Pokemon GO กลายเป็นเกมที่ส่งกระทบกับโลกทั้งใบในชั่วเวลาสั้นๆ
ที่บอกว่า Pokemon GO ดังนั้นคือไม่ได้ดังเพียงแค่ในฐานะเกมๆหนึ่ง แต่เกมนี้โด่งดังในฐานะเทรนด์และแฟชั่นของคนทั่วโลกด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เล่นเกมอยู่แล้วหรือเปล่า หรือว่าจะเป็นคนที่ชอบโปเกมอนมาก่อนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เพราะทุกคนล้วนมุ่งให้ความสนใจกับเกมนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน หากยังจำกันได้จะเห็นเลยว่า Pokemon GO นั้นแทบจะมีข่าวนำเสนอแทบทุกวันทั้งข่าวไทยและข่าวต่างประเทศ และมีประเด็นให้พูดกันมากมายจนเบื่อกันไปข้างหนึ่งเลย เรียกได้ว่าวุ่นวายกันทั้งโลกของจริงเลยทีเดียว
ตัวอย่างข่าวที่เกี่ยวข้องกับ Pokemon GO เช่น
“กระแสโปเกม่อนฮิตทั่วไทย วัยรุ่นแห่จับเต็มวัด เตือนเลี่ยงเล่นในที่เปลี่ยว” (ดูข่าว ที่นี่ )
“นายกฯแนะคนไทยเล่น ‘โปเกมอน โก’ อย่างเหมาะสม ตร.เตือนระวังมิจฉาชีพล่อไปที่เปลี่ยว” (ดูข่าว ที่นี่ )
“ททท.จ่อจัดระเบียบทัวร์ล่าโปเกมอน กสทช.เรียกค่ายมือถือจัดระเบียบเกม” (ดูข่าว ที่นี่ )
จากตัวอย่างข่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า Pokemon GO นั้นกลายเป็นปัญหาระดับชาติอย่างแท้จริง เผลอๆเป็นปัญหายิ่งว่า GTA ซะอีก เพราะส่งผลกระทบทั้งกับภาครัฐบาลและเอกชน เดือดร้อนกันทุกภาคส่วนทุกหย่อมหญ้า ถึงขั้นต้องมี “การจัดเสวนาอย่างเป็นทางการ” เพื่ออภิปรายถึงกระแสของ Pokemon GO ที่มีต่อสังคมไทยในตอนนั้นเลยทีเดียว (อ่านได้ ที่นี่ ) แต่ความวุ่นวายทั้งหลายก็จบลงไปพร้อมกับกระแสของเกมที่วูบหายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
สุดท้ายแล้วก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า “เกม” ถือเป็นสื่อที่สังคมไทยมักจะจับตามองแง่ลบมาตลอด แต่ฐานะคนเล่นเกมก็อยากให้สังคมช่วยตระหนักและเปิดใจว่าไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ต้องมีทั้งบวกและลบ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารบ้านเมือง, ละคร ภาพยนตร์, โลกโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงการเล่นเกมเองก็เป็นตัวช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้กับคนในสังคมทั้งในเชิงสร้างสรรค์และทำลายสังคมได้ทั้งนั้น ไม่มีสื่อใดที่ดีหรือเลวเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เกมเองหากถูกนำเสนอในแง่มุมลบอย่างเดียว คนในสังคมไทยก็ไม่มีวันมองเกมเป็นเรื่องสร้างสรรค์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นเกม คือ “จะควบคุมการเล่นเกมของตัวเองและคนใกล้ตัวของเราอย่างไร” ไม่ให้ถูกเกมครอบงำจนสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม