ปวดคอ เมื่อยแขน ตึงไหล่ ปวดหลัง บางทีปวดถึงขนาดร้อนหลังไปหมดเลยก็มี อาการแบบนี้เหล่าเกมเมอร์คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ยิ่งเวลาเล่นเกมต่อเนื่องกันเป็นเวลานานด้วยแล้ว อาการแบบนี้มันก็ช่างขัดอารมณ์ ขวางความสุขเสียจริง บางคนอาจไม่รู้สึกตอนเล่นเพราะกำลังมันส์มาก แต่พอหยุดเท่านั้นแหละ อื้อฮือ!!! อย่าให้พูด อาการมาเต็ม ดังนั้นเพื่อทะนุถนอมร่างกายของเราให้เล่นเกมไปได้นานๆ เรามาเช็คดูกันดีกว่าว่าที่นั่งๆ เล่นกันอยู่เนี่ยถูกวิธีหรือเปล่า
1. ตำแหน่งของหน้าจอคอมพิวเตอร์
ควรปรับให้อยู่ในระดับสายตาพอดี ชนิดที่ว่าเราไม่ต้องเงย, ก้ม หรือโน้มตัวเพื่อมองหน้าจอ
2. การวางคีย์บอร์ดและเม้าส์
ควรนำมาวางไว้ใกล้ๆ ตัว จะได้ไม่ต้องเอื้อมหรือยื่นแขนไปไกลให้เมื่อยขณะใช้งาน เมื่อวางแขนไปแล้วคีย์บอร์ดและเม้าส์ควรอยู่ในตำแหน่ง 90° – 120° กับลำตัว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยกแขนขณะใช้งาน และควรหาอะไรนุ่มนิ่มมารองมือเราไว้เพื่อลดการกดทับของข้อมือกับโต๊ะ
ถ้าจะให้ดีหาเม้าส์และคีย์บอร์ดที่เหมาะกับสรีระของเราโดยเฉพาะเลยจะดีกว่า เอาแบบที่ขนาดพอดีมือไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไปสำหรับเรา ใช้งานแล้วไม่จำเป็นต้องยกข้อมือ เพื่อจะได้รู้สึกสบายที่สุดเวลาใช้งาน ส่วนของที่แถมๆ มาด้วยโปรโมชั่นสุดฮอตอะไรก็ตามแต่ลืมๆ ไปซะบ้าง ไม่ต้องใช้ให้คุ้มมาก เพราะมันจะไม่คุ้มกับร่างกายของเราเอา
3. การเลือกเก้าอี้
ควรเลือกเก้าอี้ที่มีขนาดเหมาะสมกับร่างกายเรา เอนและปรับระดับได้ ไม่ควรใช้เก้าอี้สปริงเพราะไม่มีการรองรับหลังเท่าที่ควร นอกจากนี้พนักพิงควรสูงถึงท้ายทอยเพื่อที่จะใช้พิงได้ถึงศีรษะ ช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อหลังและคอ ถ้ามีทุนสักนิด ลองหาเก้าอี้เพื่อสุขภาพมาลองนั่งดูแล้วจะรู้ว่าความฟินอยู่แค่ก้นเอื้อม (=.,=)
4. การเลือกโต๊ะ
ควรเลือกแบบที่ปรับระดับได้ แน่นอนว่าเพื่อที่จะสามารถปรับให้เหมาะกับการใช้งานของเราได้ ออพชั่นนี้ค่อนข้างจำเป็นสำหรับคนที่ปรับเก้าอี้จนไม่รู้จะปรับยังไงแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถนั่งให้สบายและถูกต้องได้ แต่ปัญหาที่มักจะตามมาคือโต๊ะปรับระดับไม่ได้!!! ไอ้ครั้นพอหาแบบที่ปรับได้ ดีไซน์ก็ไม่คูล ฟังก์ชั่นอื่นก็ไม่ตอบโจทย์อีก อิฐสักสี่ก้อนช่วยคุณได้ค่ะ เอามารองขาซะ (หรืออาจใช้วัสดุเหลือใช้อื่นๆ ที่แข็งแรงและมั่นคงพอก็ได้ ตามแต่ใจจะปรารถนา)
5. ท่านั่ง
เมื่อได้โต๊ะและเก้าอี้ที่เหมาะสมแล้ว ท่านั่งของเราเองก็สำคัญเช่นกัน (เพื่อไม่ให้การลงทุนเสียเปล่า) ควรนั่งหลังตรงสบายๆ อย่าเกร็ง นั่งให้เต็มก้น เอนหลังไปพิงพนัก งอขาเล็กน้อยให้ฝ่าเท้าราบไปกับพื้น ไม่ควรนั่งขัดสมาธิเพราะจะทำให้ยิ่งเมื่อย ไขว่ห้างก็ไม่โดนเพราะจะทำให้น้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่ง เป็นผลให้กระดูกคด
6. ว่ากันด้วยเรื่องของสายตา
แสงสว่างในห้องต้องเพียงพอ ระยะห่างจากสายตาถึงจอควรอยู่ที่ประมาณ 45 – 60 ซม. อาจจะหาแว่นสำหรับกรองแสงสีฟ้าจากบรรดาหน้าจออุปกรณ์ดิจิตอลมาสวมใส่ เพื่อลดความอ่อนล้าของดวงตาและช่วยให้สบายตามากขึ้นด้วยก็ได้ แต่ที่สำคัญคือต้องมีการพักสายตาเป็นระยะ มองไปที่ไกลๆ แบบไม่ต้องโฟกัสที่ไหนบ้าง หลับตาบ้าง ถ้าจะให้ดีก็ออกไปภายนอกอาคารเพื่อให้สายตาได้พบเจอกับแสงสว่างในระดับที่ต่างออกไปและเจอสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าบ้าง
7. บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ถึงแม้ว่าเราจะปรับทุกอย่างจนรู้สึกสบายตัวแล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะเปลี่ยนอิริยาบถ อย่างน้อยทุก 45 นาทีลุกขึ้นมาพักสักที เพื่อเป็นการยืดเส้นยืดสายและผ่อนคลายกล้ามเนื้อไปในตัว สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ นอกจากเดินไปมาคือการบีบคอ ยืดกล้ามเนื้อคอ เอียงซ้าย, ขวา ก้มและเงยหน้า โดยแต่ละท่าค้างไว้ 10 วินาที ส่วนการยืดกล้ามเนื้อหลังทำได้โดยการก้มตัว หน้าอกชิดหัวเข่า ค้างไว้ 10 วินาทีเช่นกัน การยืดและคลายกล้ามเนื้อควรทำช้าๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นยืดตัว ถ้าก้มแรงๆ หรือกระแทกแรงๆ จะทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดหรือบาดเจ็บได้
อ่านจบแล้วอย่าลืมบริหารร่างกายพักสายตากันสักหน่อย เพราะผลเสียของการนั่งจ้องจอนานๆ มีมากกว่าอาการปวดเมื่อย ทั้งเสียบุคลิกภาพ และอีกสารพัดโรคที่อาจถามหา เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด บ้างก็ว่าถึงขนาดการนั่งนานทำให้ตายเร็วกว่าคนอื่นเลยนะ รีบลุกเลยค่ะ แยกย้าย!!!
