จะเกิดอะไรขึ้นหากลูกสาวแสนสวยของคุณที่คุณเฝ้าเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมถูกสาบให้เป็นหินไปต่อหน้าตา โดยที่คุณไม่สามารถทำอะไรได้เลย หรือ คุณจะทำยังไงถ้าอาณาจักรที่คุณปกครองอยู่ได้ถูกช่วงชิงไปต่อหน้าต่อตา ถ้าหากว่าคุณมีพลังพิเศษที่สามารถช่วยคุณช่วงชิงทุกอย่างกลับคืนมาได้ คุณจะใช้มันไหม และคุณ จะใช้มันด้วยวิธีไหน? ใช่แล้วครับ นี่คือคำถามที่จะเกิดขึ้นในใจคุณขณะที่คุณเล่นเกม Dishonored 2

สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า Dishonored คืออะไร ผมก็จะขอท้าวความกันนิดนึงละกันว่า Dishonored เป็นซีรี่ย์เกมจากบริษัท Bethesda Softwork ผู้พัฒนาเกมเจ๋งๆ อย่าง the Elder Scroll หลายๆภาค, Rage, Doom และ ซีรี่ย์ Fallout ที่เรารู้จักกันดี Dishonored นั้นเป็นเกมที่มีบรรยากาศแนว SteamPunk (เทคโนโลยีผสมกับสมัยโบราณ) แบบมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เปิดโอกาศให้คุณได้เลือกตัดสินใจว่าจะดำเนินแนวการเล่นไปในทางไหน และสามารถตัดสินใจแก้ไขกับปัญหาได้อย่างอิสระ ซึ่งในภาคที่ 1 นั้นสร้างความสำเร็จไว้มากจนได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากสถาบันต่างๆ อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Graphic ยอดเยี่อม หรือ Game of the year อีกทั้งยังได้ชนะรางวัล Best Game จาก BAFTA และ รางวัล Best Action- Adventure Game จาก Spike Video Game อีกด้วย ทีนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่ารางวัลเหล่านี้จะการันตีความสำเร็จของภาคต่ออย่าง Dishonored 2 นี้ได้หรือไม่

review รีวิว Dishonored 2

เนื้อเรื่องย่อ

เนื้อเรื่องในคราวนี้เป็นเนื้อเรื่องต่อจากภาคที่แล้วที่ให้เราสวมบทเป็น Corvo Attano องครักษ์ส่วนพระองค์ ผู้ซึ่งถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้สังหารจักรพรรดิณี Jessamine Kaldwin แห่งอาณาจักร Dunwall จนทำให้ต้องพบเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อกอบกู้ชื่อตัวเอง และช่วยเหลือบุตรตรีเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิณีนามว่า Emily Kaldwin (ซึ่งจริงๆแล้วเป็นบุตรตรีของ Corvo) ผู้ซึ่งมีสิทธิปกครองโดยชอบธรรม มานั่งบัลลังก์แทนที่แม่ของเธอและปกครองอาณาจักร Dunwall ต่อไป

review รีวิว Dishonored 2

หลังจากที่ Emily ได้ปกครองอาณาจักรมาอย่างยาวนานโดยมี Corvo คอยเคียงข้าง เหตุการณ์ผลิกผลันก็ได้เกิดขึ้นภายในอาณาจักรอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพี่น้องต่างมารดาของจักรพรรดิณีคนก่อนอย่าง Delilah Copperspoon ผู้ครอบครองพลังแห่งความมืดปรากฏตัวขึ้น และได้อ้างสิทธิในบัลลังก์อย่างชอบธรรมจาก Emily จนทำให้เกิดการก่อปฏิวัติครั้งใหญ่ขึ้นในอาณาจักร Corvo และ Emily จึงต้องอาศัยทุกอย่างที่มี เพื่อโค่น Deliliah และทวงคืนอาณาจักรและบัลลังค์ของพวกเขากลับคืนมา

การดำเนินเนื้อเรื่อง 9/10

“มีการเล่าเรื่องและท้าวความกันเป็นระยะอยู่แล้ว….ผู้เล่นก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่รู้เรื่องหรือตามเกมไม่ทันแต่อย่างใด”

dishonored-28

หากใครที่เคยเล่นเกมภาคที่แล้วก็จะทราบได้ว่า Dishonored นั้นมีการเล่าเรื่องและท้าวความกันเป็นระยะอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตัวละครจากภาคเก่าๆ นั้นยังจะพอออกมาให้เห็นบ้าง แต่ผู้เล่นก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่รู้เรื่องหรือตามเกมไม่ทันแต่อย่างใด และถ้าหากว่าเพื่อนๆคนไหนอย่างจะรู้เรื่องลงลึกขึ้นไปอีก เวลาที่เราเล่นนั้นก็จะมีพวกเอกสาร หนังสือ หรือหนังสือพิมพ์ต่างๆให้เราได้อ่านกัน ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าใจตัวเกมได้อีกมากขึ้นด้วย ถึงสาเหตุต่างๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นเรียกได้ว่าใส่รายละเอียดมาแบบครบถ้วนเลยทีเดียว

“เราสามารถเลือกเล่นได้ทั้ง Corvo และ Emily ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วน่าสนใจมากพอที่จะทำให้กลับมาเล่นอีกรอบนึง”

สำหรับเนื้อเรื่องในภาคนี้นั้นยังคงน่าสนใจเช่นเดิม แต่ที่ทำให้ภาคนี้นั้นแตกต่างไปจากภาคที่แล้วคือเราสามารถเลือกเล่นได้ทั้ง Corvo และ Emily ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วน่าสนใจมากพอที่จะทำให้กลับมาเล่นอีกรอบนึง แต่จากที่ได้ทดสอบฉากต่างๆที่เราจะได้เล่นจากทั้งสองตัวละครยังคงเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่เรื่องราวเกร็ดเล็กๆน้อยๆ ที่จะเปลี่ยนไปเท่านั้น และอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้า Dishonored นั้นเป็นเกมแนวเปิดกว้างอิสระที่ปล่อยให้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะดำเนินเกมไปในแบบไหน ซึ่งตัวเลือกต่างๆเหล่านั้นจะส่งผลกระทบกับเหตุการณ์ถัดๆไปในตัวเกมด้วย ซึ่งสามารถทำเนื้อเรื่องออกมาได้ต่อเนื่องดี ยิ่งเล่นแล้วยิ่งสนุก ส่วนของบทพูดนั้นก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน

รูปแบบการเล่น 8.5/10review รีวิว Dishonored 2

“เราจะเลือกที่จะไม่ฆ่าใครซักคนเลยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน และการตัดสินใจของเรานั้นยังมีผลต่อการดำเนินเนื้อเรื่องอีกด้วย”

รูปแบบการเล่นยังคงเหมือนเดิมไม่ได้แตกต่างจากภาคก่อนมากนัก คือ เพื่อนๆสามารถเลือกวิธีการทำภารกิจแบบใดก็ได้ คือจะเลือกฆ่าล้างบางทุกคนที่เจอหน้า หรือจะเลือกที่จะไม่ฆ่าใครซักคนเลยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน และการตัดสินใจของเรานั้นยังมีผลต่อการดำเนินเนื้อเรื่องของเราอีกด้วย เช่นเราเลือกไว้ชีวิตเป้าหมายหนึ่งที่เราคิดว่าจริงๆ แล้วเป็นคนดี คนๆ นั้นก็จะกลายมาเป็นพวกเรา หรือกลายเป็นคนดีคอยช่วยเหลือเราในภายหลังอีกที และในภาคนี้นั้นการเลือกวิธีจบภารกิจแบบคนดี หรือ คนโหด ก็มีวิธีการที่ต้องเล่นแบบเฉพาะเจาะจงมากกว่าแต่ก่อนด้วย ถือว่าทำให้คนเล่นรู้สึกว่ามีอะไรให้เล่นได้่หลากหลายดี

เนื่องจากเราสามารถเล่นได้ทั้ง Corvo และ Emily ซึ่งทั้งสองคนนั้นมีพลังพิเศษที่แตกต่างกัน ถ้าหากใครที่คุ้นเคยกับพลังของ Corvo ก็ต้องบอกเลยว่าเหมือนเดิมแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น พลังหยุดเวลา สิงสู่ หรือ วาป ใครที่คุ้นชินกันดีกับภาคเก่าก็สามารถเล่นได้สบายๆ หายห่วง แต่โดยส่วนตัวแล้วการเล่นเป็น Emily นั้นน่าสนใจกว่าเยอะ เพราะพลังของ Emily นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง เธอสามารถแปลงร่างเป็นเงาคลืบคลานจนเกือบล่องหน (ยังพอที่จะถูกจับได้) โดยไม่มีใครสังเกตุ หรือใช้แขนเงาลากศัตรูเข้ามาสังหารในมุมตึกก็สามารถทำได้ และพลังที่เจ๋งสุดๆ ของเธอที่ผมชอบก็คือ Domino ซึ่งถ้าหากศัตรูตัวใดตัวหนึ่งถูกฆ่า ที่เหลือก็จะถูกสังหารหมดในทีเดียว พลังต่างๆเหล่านี้เราสามารถเลือกได้ตามสไตล์ของเรา คล้ายๆกับพวกเกม RPG โดยอาศัยหินที่เราเก็บได้จากแต่ละฉาก โดยส่วนตัวอยากให้เราสามารถอัพพลังครบได้ทุกอย่างเลยน่าจะสนุกกว่า แต่ดูเหมือนเกมจะไม่อนุญาตให้เราอัพสกิลเต็มทั้งหมดได้ ต้องเลือกเอาเฉพาะที่เราใช้จริงๆ ในส่วนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆจะไม่ต่างจากภาคเดิมเท่าไร แต่ก็มีของเจ๋งๆให้เราได้ลองเล่นเหมือนกันเช่นเคย

dishonored-29

โดยส่วนตัวแล้ว Dishonored นั้นจะสนุกที่สุดก็เมื่อเล่นแบบ Stealth การจะเข้าไปบู๊ล้างผลาญเลยจะทำให้เราไม่ค่อยได้เพลิดเพลินกับพลังต่างๆเท่าไรนัก ซึ่งจากการทดสอบ ได้ทดสอบในโหมด Hard โดยเลือกเล่นแบบ Low Chaos (พยายามฆ่าคนให้น้อยที่สุด) ตัวเกมใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 15 ชม. ซึ่งถ้าหากเป็นผู้เล่นมือใหม่อาจจะใช้เวลามากกว่านี้ซักเล็กน้อยประมาณ 20 ชม. แต่ถ้าตามอ่านเกร็ดเล็กๆ ทุกอย่างน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก หลายคนอ่านแล้วอาจจะบอกว่าเห้ย! สั้นไปป่าววว เกมราคาเกือบสองพัน ซึ่งก็สั้นจริงๆนั่นแหละครับ แต่พอเราไปเล่นตัวละครอีกตัวหนึ่งเรากลับไม่รู้สึกเบื่อเท่าไร แถมพอเรารู้ฉากรู้อะไรแล้ว ก็เริ่มคล่องขึ้นสนุกขึ้น แถมความรู้สึกที่รู้ว่ามีฉากจบอีกแบบหนึ่งที่เราเลือกเองได้ ก็ยังสามารถทำให้เราเล่นต่อได้อีกรอบหนึ่งแบบไม่บ่นอะไร และถ้าหากใครรู้สึกว่าเกมนี้ยังท้าทายคุณไม่มากพอ คุณยังสามารถเลือกโหมด No Power (ไร้พลังพิเศษ) ได้ด้วยนะครับ ซึ่งขอบอกเลยว่าโคตรยากครับ ใครที่ชอบความท้าทายแบบสุดโต่งขอให้ได้ลอง

AI 8.5/10

review รีวิว Dishonored 2

ต้องบอกก่อนว่าเกมนี้ AI ค่อนข้างฉลาดเป็นทุนเดิมจากภาคแรกอยู่แล้ว เอาง่ายๆว่าเดินผ่านให้เห็นหน่อยนึงก็แทบจะวิ่งมาทุบกระบาลเราอยู่ล่ะ AI นั้นมีความซับซ้อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงประหลาดที่เราทำ หรือ อะไรที่มันไม่เหมือนเดิมเช่น ประตูเปิดค้างไว้ ระบบรักษาความปลอดภัยที่อยู่ๆ เราไปปิด เหล่านี้จะเป็นตัวที่ทำให้ ศัตรูออกตามหาเราได้ ยกตัวอย่างเช่นผมปิดระบบรักษาความปลอดภัยโดยตัดแหล่งพลังงานที่อยู่ชั้นสองของตึกอีกฝากหนึ่ง AI จะวิ่งปรี่มาที่ห้องนั้นเป็นอย่างแรกเลย เรียกได้ว่าเพื่อนๆคิดเอาเอง แบบใช้สามัญสำนึกปกติเลยว่าต้องทำยังไงไม่ให้มีใครสงสัย เพราะพฤติกรรมใกล้เคียงมนุษย์ทั่วไป แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้ฉลาดมากถึงขนาดเดินตามหาเราไม่เลิกนะครับ ศัตรูก็จะเดิน scan รอบๆ พื้นที่สงสัยอยู่พักหนึ่ง ถ้าเราหลบดีๆ มันก็จะเดินกลับไปที่เดิมเองนั่นแหละครับ แต่ถือว่าฉลาดพอตัวเลย

กราฟฟิค 8.5/10

review รีวิว Dishonored 2

กราฟฟิคใน Dishonored นั้นจะออกแนว การ์ตูนนิดๆในความคิดส่วนตัวผม คือ สัดส่วนตัวละครจะไม่ค่อยสมจริง ซึ่งเป็นการตั้งใจของผู้ออกแบบ ถ้าพูดถึงความสวยงามก็ต้องบอกว่าออกแนวสวยงามตามท้องเรื่องคือเหมือนอารมณ์ดู animation มากกว่า ไม่ได้สวยสมจริงประหนึ่งรูปถ่ายแบบเกม Crysis หรืออะไรแบบนั้น แต่สำหรับผมแล้วถือว่าสวยงามดีมาก เหมือนดู Animation Pixar อะไรแบบนั้น สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาจากภาคก่อนในด้านกราฟฟิคก็คือ Details ซึ่งรายละเอียดในเกมนี้เยอะมาก แสงเงาทำออกมาได้ดีเยี่ยม และจากที่ได้ทดสอบใน PC เกมนี้กินทรัพยากรในเครื่องเอาเรื่องเลยทีเดียว

เสียง/เพลงประกอบ 8.5/10

dishonored-27

ในภาคนี้นั้นเพลงและเสียงประกอบต่างๆทำออกมาได้ค่อนข้างดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังแนว Steampunk อยู่ เพลงบางส่วนถ้าเราฟังดูดีๆ จะรู้สึกถึงกลิ่นของหนังใหญ่แนว Steampunk อย่าง Sherlock Holmes อะไรเถือกๆนั้น เสียงประกอบต่างๆชัดเจน ปืนเสียงดังมีพลัง เสียงเอฟแฟคกลืนไปกับการเล่นได้อย่างสมจริง หากใครมีระบบ Surround ก็จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นไปอีก เสียงฝีเท้าศัตรูสามารถบอกระยะได้ดี เสียงแยกซ้ายขวาทำออกมาได้ชัดเจนดี ในส่วนที่ต้องการให้อารมณ์เกมดูดาร์คๆ ก็ทำเสียงประกอบออกมาได้ดาร์คใช้ได้ โดยรวมถือว่าเรื่องเสียงไม่ทำให้อรรถรสของเกมลดลงเลยแม้แต่น้อย

สรุป

ถือว่าเป็นการกลับมาที่ไม่ได้ถึงกับยิ่งใหญ่อลังการ แต่ก็เป็นการกลับมาที่น่าสนใจเช่นเคยและคงมาตรฐานความสนุกเอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นพลังๆใหม่ๆ ตัวร้ายหน้าใหม่ๆ และรูปแบบการเล่นที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจุดเด่นของเกมนี้เลยก็คือเนื้อเรื่องที่เฉียบคม และการที่ผู้เล่นสามารถกำหนดแนวทางดำเนินเรื่องเองได้แบบอิสระ ทำให้เกมนี้ยังคงเป็นเกมที่เล่นได้สนุกเหมือนเดิม มีข้อเสียเพียงนิดเดียวเท่านั้นก็คือเกมค่อนข้างสั้น หากคุณเป็นพวกเล่นเกมแบบตูมเดียวจบ และตะโกนบอกให้เพื่อนรู้ว่า “ข้าเล่นจบแล้วเฟ้ย เกมถัดไปมาม่ะ” คงจะไม่คุ้มเท่าไร แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่สามารถเล่นเกมแบบสองรอบสามรอบเพื่อลองตัวละครใหม่ หรือลองวิธีที่ไม่เคยได้ทำในครั้งแรก ก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว ยิ่งถ้าหากคุณเป็นผู้ชื่นชอบภาคเก่าอยู่แล้วด้วย ขอบอกว่าหามาเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ผมให้ 8.5/10

Facebook Comments
REVIEW OVERVIEW
Dishonored 2
8.5/10
SOURCEBethesda Softwork
SHARE
Facebook
Twitter
Previous article[Review] Playstation 4 Pro – ควรจะซื้อมั้ย??!!
Next articleเหตุผลที่ทำให้ผู้ครอบครองเกม FIFA 17 ต้องเล่นโหมด Journey
Le New
Le New ผู้ชื่นชอบการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ เริ่มเก็บ EXP ตั้งแต่เครื่อง Famicom ที่พ่อซื้อให้ ยันลามไปถึง PS4 และหลงไหลในการเล่นเกมทุกรูปแบบโดยเฉพาะ RPG และ HORROR จนสุดท้ายลามมาถึง Gadget และ Accessory ต่างๆ ได้โปรดเชื่อในคำพูด Le New ได้ เพราะเค้าจะบอกว่า "เชื่อผม ผมเป็นเกมเมอร์....เชื่อผมเต๊อะ!"

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here