Farpoint ถือเป็นเกม First Person Shooting (FPS) บนระบบ VR ต้นตำรับของ Sony โดยเราจะต้องเอาชีวิตรอดจากดาวพฤหัสออกมาให้ได้ สำหรับการเล่นในครั้งนี้เราได้เล่นร่วมกับอุปกรณ์ VR และ Box Set เกม Farpoint ซึ่งมีแผ่นเกมและ PlayStation VR Aim Controller จอยสติ๊กรูปแบบปืนมาให้ได้เล่นกันด้วยครับ 

farpoint

เนื้อเรื่อง

พล็อตเรื่องของเกมนี้ก็ คือระหว่างการเดินทางในอวกาศเพื่อรับนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังศึกษาความผิดปกติของดาวดวงหนึ่งใกล้กับดาวพฤหัส แต่ตัวเรา (ไม่มีชื่อและไม่เห็นหน้าตา) และนักวิทยาศาสตร์ Dr.Eva Tyson (นักวิทยาศาสตร์สาว) และ Dr.Grant Moon (นักวิทยาศาสตร์ชายผิวสี) รวมกัน 3 คนเกิดเจอเหตุการณ์ผิดปกติจนยานของพวกเขาตกลงไปสู่ดาวปริศนาแห่งหนึ่ง ภารกิจของเราทั้ง 3 คน คือ ต้องออกสำรวจและตรวจสอบบันทึกโฮโลแกรมที่กระจัดกระจายออกไป เพื่อสืบเสาะข้อมูลและเอาตัวรอดจากดาวที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ให้ได้ ถึงแม้เนื้อเรื่องจะดูไม่แตกต่างจากหนัง Sci-Fi ทั่วไปมากนัก แต่ก็มีจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราต้องติดตามต่อไป ถึงแม้ว่าสุดท้ายอาจจะจบลงด้วยความรู้สึกค้างคาใจก็ตาม หากใครที่ชอบแนวเรื่องราว Sci-Fi ท่องอวกาศอาจจะโอเค แต่ถ้าไม่ก็มองข้ามเนื้อเรื่องนี้ไปเลยก็ได้ 

 ระบบการเล่น

ระบบการเล่นของเกมนี้เป็น FPS ที่หลายๆคนเล่นอยู่ทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงคือ เป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ที่สามารถเห็นภาพและได้ยินเสียงในระยะที่กว้างมาก (แต่ยังไม่รอบทิศ 360 องศา) จากการสวมอุปกรณ์ VR นั่นเอง การบังคับทุกอย่างสามารถใช้ปืนใส่คำสั่งเกมได้ ทั้งยิงปืน รีโหลดระสุน เปลี่ยนปืน สแกนตัวละคร และหยิบไอเทมโดยใช้ปืนสัมผัส เป็นต้น ถ้าจะเล่นเกม FPS แบบนี้ขอแนะนำให้ใช้คอนโทรลเลอร์แบบปืนไปเลยเพราะมีปุ่มบังคับแบบจอยปกติ แถมยังได้อารมณ์จับปืนแล้วลั่นไกออกไปจริงๆอีกด้วย 

ส่วนแนวทางการเล่นนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน การควบคุมตัวละครก็เรียนรู้ได้ไม่ยากเย็น เนื้อเรื่องจะเดินหน้าไปเรื่อยๆโดยเราต้องออกสำรวจดาวดวงนี้และฝ่าศัตรูซึ่งมีทั้งสัตว์ประหลาดทั้งเครื่องจักรกลต่างๆที่เข้ามาหาเรา มีการอัพเกรดอาวุธเพื่อสู้กับสัตว์ประหลาดและบอสตามสเต็ป (ลูกน้องตัวเล็กๆจะน่ากลัวมาก ยิ่งมาเร็วและเยอะด้วยนี่มีเหวอแน่ๆ) สำหรับเกมนี้ ระหว่างเล่นหากถูกโจมตีแต่ทิ้งระยะไว้นานมากพอก็จะไม่ตาย ราวกับว่าพลังชีวิตเต็มหลอดตลอดเวลา ถึงเกมโอเวอร์ก็ Continue ได้เรื่อยๆ และพอถึงจุดเข้าเนื้อเรื่องก็จะมีแสงสีฟ้าบอกให้รู้ว่าถึงจุดเข้าสู่เนื้อเรื่องแล้ว ภาพรอบตัวก็จะเปลี่ยนโทนเป็นสีฟ้า เราต้องสแกนตัวละครเพื่อให้เกมเล่าเนื้อเรื่อง โดยตัวละครอื่นๆที่เราสแกนจะเป็นผู้เล่าเรื่อง จุดๆนั้นแบบไม่มี Cutscene เมื่อจบเนื้อเรื่องเพื่อเข้าสู่การผจญภัยก็จะคืนสภาพเหมือนเดิม ส่วนการเซฟเกมก็เป็น Auto-Save เมื่อถึงจุดที่กำหนดไว้

สิ่งที่ยากจริงๆของเกมนี้ คือ การเผชิญหน้ากับสถานการณ์เสมือนจริงนี้ให้ได้ เพราะหลายคนอาจมีประสบการณ์กับภาพ 3 มิติน้อยมาก และคงระแวงกับที่อะไรก็ตามที่จะพุ่งใส่หน้าตัวเองพอสมควร ยิ่งเป็นเกมที่ต้องต่อสู้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคงมีน้อยคนที่จะมีประสบการณ์การเผชิญหน้ากับการต่อสู้ในชีวิตจริง แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงการติดดาวนอกโลกและฝ่าดงมอนสเตอร์ซึ่งคงไม่มีใครเจอกันแน่ๆ ดังนั้นสติและความคุ้นเคยจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเล่นเกมระบบ VR ที่ต้องมีการต่อสู้ เพราะท่ามกลางการต่อสู้เราต้องขยับและเดินไปเดินมาเสมือนก้าวเท้าเดินเองนั้นจะรู้สึกได้ว่าทุกอย่างล้วนถูกส่งตรงไปถึงสมอง ทำให้เวียนหัวและรู้สึกคลื่นไส้ได้ง่ายๆ แต่ถ้าคุ้นเคยแล้วเราจะเล่นได้นานขึ้นโดยอัตโนมัติ

ภาพรวมเกมอาจจะดูเนิบๆและช้าไปสักหน่อย แต่ก็เหมาะกับการฝึกเล่นระบบ VR ไม่น้อย ทางผมไม่ได้ลองโหมด Co-Op แต่คิดว่าหากลองชวนเพื่อนๆมาเล่นด้วยกันคิดว่าคงสนุกมากกว่าโหมด Story ที่ต้องยิงศัตรูอย่างเหงาหงอยคนเดียวพอสมควร


กราฟฟิกและองค์ประกอบอื่นๆ 

เรื่องของกราฟฟิกถือว่าทำได้ดีไม่น้อยเลย ฉากและบรรยากาศบนดาวดวงนี้สร้างความรู้สึกเสมือนอยู่ ที่แห่งนี้ได้จริง ทั้งแสง เสียง และแรงสั่นสะเทือนต่างๆก็ทำได้ดี ทั้งหมดนี้เมื่อบวกกับระบบ VR ยิ่งทำให้เราเชื่อว่าเราอยู่ในสถานที่นั้นจริงๆ เช่น พอมืดก็รู้สึกถึงความน่ากลัว พอหินถล่มก็รู้สึกสั่นสะเทือนตามไปด้วย เป็นต้น เรียกได้ว่าทุกอย่างถูกส่งไปถึงสมองของเราจริงๆ แต่กราฟฟิกขณะสวมอุปกรณ์ VR กลับให้ความละเอียดภาพที่ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ถ้านั่งชมในฐานะคนดูจากหน้าจอล่ะก็เราจะได้ชมเกมด้วยภาพที่คมชัดและสมจริงราวกับดูการถ่ายทอดสดเลยทีเดียว 

ข้อสังเกตอีกอย่าง คือ เกมนี้ไม่มี Interface หรือองค์ประกอบบนหน้าจอเกมใดๆระหว่างเกมเลย และเมื่อตัวละครสนทนากันก็ไม่มี Subtitle รองรับด้วย ซึ่งนับว่าเป็นอุปสรรคต่อการติดตามเนื้อเรื่องอย่างยิ่งหากคุณฟังภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้าถามกลับมาว่าเพื่อความสมจริงมันก็ดีอยู่แล้ว เพราะในชีวิตจริงคงไม่มี Interface หรือตัวอักษรอะไรโผล่ขึ้นมาในหัวเราแน่ๆ แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าการปล่อยให้หน้าจอโล่งเปล่าเพื่อความสมจริงนี้จะเป็นเรื่องดี อาจมองได้ว่าเกมสร้างบนความสมจริงจนทำให้บางอย่างที่เกมควรจะมีหายไปหรือไม่

สรุป

เกม Farpoint ถือเป็นเกมที่เหมาะจะฝึกการเล่น VR ในเชิงต่อสู้สำหรับผู้เริ่มเล่น เพราะตัวเกมไม่ได้หวือหวาหรือฮาร์ดคอร์หรืออะไรมากมายนัก ระบบเกมทุกอย่างเรียนรู้ได้ไม่ยาก ที่เหลือคือแค่สร้างความคุ้นเคยกับระบบและอุปกรณ์ VR ให้ได้เท่านั้น ส่วนจอย PlayStation VR Aim Controller นั้นก็ออกแบบมาได้ดี รูปทรงไม่หวือหวา แต่ขนาดปืนสมส่วนและจับถนัดมือ ตำแหน่งปุ่มก็จัดไว้ได้ดีทำให้กดง่ายไม่ติดขัดเลย

ดังนั้นการซื้อเซ็ตเกม Farpoint นี้จึงต้องพิจารณาให้ดีว่าคุ้มกับเงินในกระเป๋าหรือไม่ เพราะสิ่งที่คุ้มค่าในการเล่น Farpoint คือ การใช้ PlayStation VR Aim Controller ในการควบคุมตัวละครและจัดการกับศัตรูแบบสมจริงนั่นเอง  

Facebook Comments

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here